บิ๊กกสิกรฯ ชี้ปัญหาการเมืองยังกระทบเศรษฐกิจเพียงระยะสั้น แต่หากยืดเยื้อกดดันศักยภาพของประเทศในระยะยาว และวนเวียนซ้ำซากจนเป็นความเสี่ยงที่ปิดไม่ลง ส่วนเศรษฐกิจปีหน้าคาดโต 4-5% หวังส่งออกฟื้น
นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK)กล่าวถึงสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในปัจจุบันว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นทั้งกับเศรษฐกิจ ภาคธุรกิจ แล้วก็มีทันทีแต่เป็นในระยะสั้นๆ เป็นผลกระทบเฉพาะหน้า ซึ่งก็จะเห็นได้จากการถอนเงินลงทุนจากตลาดหุ้น การท่องเที่ยวที่เป็นช่วงทำเงิน ก็จะมีนักท่องเที่ยวที่กังวลต่อสถานการณ์ทางการเมืองยกเลิกการเดินทาง หรือผู้ประกอบการชะลอการลงทุนไปก่อน เพื่อรอดูสถานการณ์ เป็นต้น และหากปัญหายืดเยื้อก็จะส่งผลกระทบยาวในระยะยาวก็คือ ศักยภาพการแข่งขันของประเทศก็จะไม่ได้รับการพัฒนา
ทั้งนี้ ความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้น สะท้อนให้เห็นปัญหาที่ว่า ประเทศไทยบริหารด้วยกติกาอย่างไร ทำไมถึงตกลงกันไม่ได้ ใครมีสิทธิที่จะตัดสินหรือไม่ตัดสิน ยังหาคำตอบที่ตรงกันไม่ได้ ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นวนไปมาอยู่หลายรอบแล้ว และจะกลายเป็นความเสี่ยงที่ปิดไม่ลง
“บ้านเมืองอยู่ในกำมือของผู้ใหญ่ที่มีอำนาจในเรื่องต่างๆ ผู้ใหญ่ควรทำในสิ่งที่ดี มีเหตุผล จึงถือได้ว่าเป็นผู้ใหญ่ที่รักประเทศ เมื่อผู้ใหญ่มีอำนาจก็ต้องทำให้สมกับความเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งเราคงตัดสินไม่ได้ว่าทางออกคือ ยุบสภาหรือไม่ หรือลาออกหรือไม่ลาออก แต่ที่สำคัญจะต้องมีกรอบกติกา และต้องมีจิตว่าไม่เผาบ้านเผาเมือง ทั้งในความเป็นจริง และในนัยถ้าผู้ใหญ่พึ่งไม่ได้ คนผู้น้อยจะพึ่งอะไร ไม่ต้องคิดไปถึงจะไปจัดตั้งอะไรใหม่ ก็เพ้อฝันไป ผู้ใหญ่ต้องแสดงให้เห็นถึงการกระทำที่ว่ารักประเทศชาติ”
ด้านภาวะเศรษฐกิจนั้น ในปีนี้นั้นจีดีพีอาจจะเติบโตไม่ถึง 3% จากภาคการส่งออกที่เติบโตได้ไม่ถึง 1% แต่ในปีหน้าน่าจะเติบโตได้ 4-5% เนื่องจากประเมินกันว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวขึ้น ส่งผลดีต่อภาคการส่งออกให้ขยายตัวดีขึ้น โดยคาดว่าจะเติบโตได้ 6-7% โดยประมาณ แต่ก็จะขึ้นอยู่กับเรื่องราวในประเทศด้วย โดยเฉพาะปัญหาทางการเมือง
นายบัณฑูร กล่าวอีกว่า อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจปีละ 3-4% ถือว่าเป็นระดับที่รับได้ เพราะถ้าเราเร่งโตบนพื้นฐานที่ไม่แกร่ง ก็จะทำให้เกิดฟองสบู่ และถ้าในอนาคตเราทำพื้นฐานให้แกร่งกว่านี้ ก็จะเป็นเรื่องที่ดีขึ้นอีก
ส่วนการขยายตัวของสินเชื่อรวมทั้งระบบอยู่ที่ 8-9% โดยจะมีแรงกระตุ้นจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน แต่ทั้งนี้ หากประเทศไทยสามารถเพิ่มปัจจัยด้านเสถียรภาพทางการเมืองได้ จะยิ่งส่งเสริมภาคการผลิต การจ้างงาน การใช้จ่าย การลงทุน และการท่องเที่ยวได้มากขึ้นอีกด้วย
ตั้งเป้าสินเชื่อโต 9%
ด้านนายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ในปี 2557 ธนาคารตั้งเป้าการขยายตัวของสินเชื่อรวมที่ 9% แบ่งเป็นการขยายตัวของสินเชื่อเอสเอ็มอีโต 13% สินเชื่อรายย่อยโต 10-13% และสินเชื่อขนาดใหญ่โต 6-8%
ส่วนการดำเนินงานในปีนี้มั่นใจว่าจะเป็นไปตามเป้าหมาย ทั้งการเติบโตของรายได้ และการขยายตัวของสินเชื่อที่ 9% แม้ว่าในไตรมาสจะขยายตัวได้ที่ 7% แต่เชื่อมั่นว่าในช่วงที่เหลือของปีจะยังขยายตัวเพิ่มขึ้นได้
