“กอบศักดิ์” มอง ศก.ปีนี้อาจโตต่ำกว่า 3% ระบุปัญหาขัดแย้งทางการเมืองกำลังซ้ำเติม ศก. แย่ลง ตลาดหุ้นตกจาก 1,650 จุด ลงไปสู่ 1,350 จุด นักลงทุนเริ่มลดน้ำหนักไปแล้ว “สุทธาภา” มองแบงก์ชาติอาจต้องคง ดบ.นโยบาย 2.5% ยาวถึงปี 57 และแนวโน้มที่จะปรับลดลง เพื่อกระตุ้น ศก. ทำได้ค่อนข้างยาก เพราะจะทำให้หนี้ภาคครัวเรือนที่สูงอยู่แล้วเพิ่มขึ้นไปอีก
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยผู้จัดการ ใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงปัญหาทางการเมืองในปัจจุบันกำลังเป็นการตอกย้ำเศรษฐกิจไทยที่กำลังแผ่ว ซึ่งขณะนี้กำลังประเมินว่าจะทำอย่างไรที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างมีเสถียรภาพ ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ คาดว่าจีดีพีจะสามารถขยายตัวได้ 1.9% และทั้งปีอาจขยายตัวได้แค่ 3% หรือต่ำกว่านั้นหากปัญหาการเมืองมีความยืดเยื้อ
ในปี 2557 จากการที่มีหลายฝ่ายคาดการณ์กันว่า การบริโภค การลงทุน และการส่งออกจะกลับขึ้นมาเป็นตัวขับเคลื่อนหลักอีกครั้ง แต่ตราบใดที่ปัญหาการเมืองยังคงลากยาว และไม่มีความชัดเจนก็คงลำบาก การบริโภคคงมีการชะลอตัวต่อไป การลงทุนของภาคเอกชนต้องมองรัฐบาลเป็นตัวหลัก ในขณะที่รัฐบาลยังมีความกังวลใจที่จะต้องเฝ้าระวังการชุมนุม การลงทุนของรัฐบาลก็คงเกิดได้ยาก
ด้านตลาดทุนในขณะนี้ เห็นผลกระทบจากทางด้านการเมืองทำให้เงินไหลออกตลาดหุ้นตกจาก 1,650 จุด ลงไปสู่ 1,350 จุด ขณะนี้นักลงทุนเริ่มลดน้ำหนักการลงทุนในไทยลง และคนที่คิดจะเข้ามาลงทุนก็เริ่มลังเลใจ ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในวันนี้กำลังประเมินเงินทุนที่มีการเคลื่อนย้าย เงินบาทอ่อนค่า และเตรียมรับมือกับ QE tapering ซึ่งหากปัญหาต่างๆ ยังไม่มีแนวโน้มที่ดีขึ้น คงต้องมีการประชุมนัดพิเศษเพื่อปรับลดอัตราดอกเบี้ย นโยบายรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ โจทย์ใหญ่คือ ดูแลเงินอ่อนค่าอย่างไร และดูแลเศรษฐกิจที่แผ่วลงอย่างไร
นางสุทธาภา อมรวิวัฒน์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์และผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ความเสี่ยงทางการเมืองกระทบต่อความมั่นใจของนักลงทุนต่างชาติ อาจส่งผลให้เงินลงทุนใหม่ชะลอการเข้ามาลงทุนในไทย เพราะปัญหาความขัดแย้งในประเทศต่อเนื่องมาถึง 8-9 ปี ขณะเดียวกัน กังวลว่าอาจจะทำให้การลงทุนในประเทศตามนโยบายของรัฐ เช่น การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ล่าช้าออกไป อัตราการเบิกจ่ายงบประมาณต่ำกว่าเป้าหมาย
ทั้งนี้ หากเทียบอัตราการลงทุนของไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน พบว่า การลงทุนของไทยน้อยมาก ดังนั้น หากความขัดแย้งทางเมืองรุนแรงขึ้น จะส่งผลต่อแผนการลงทุนทั้งของนักลงทุนไทยและต่างชาติชะลอออกไปแน่นอน โดยในปี 2556 จีดีพีน่าจะโตประมาณ 3% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ 3.4% ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาทางการเมืองที่กระทบการท่องเที่ยวไปบ้าง
สำหรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย คาดว่า ทาง ธปท. น่าจะคงไว้ถึงปี 2557 ถ้าอุปสงค์ในประเทศไม่ลดลงมากเกินไป มีแนวโน้มที่จะปรับลดลงค่อนข้างยาก เนื่องจากหากมีการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการลดดอกเบี้ย จะทำให้หนี้ภาคครัวเรือนที่สูงอยู่แล้วเพิ่มขึ้นไปอีก