xs
xsm
sm
md
lg

“BJC” เป้ารายได้ทั้งปีคาดโต 20% สูงกว่าเป้าเดิมที่วางไว้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“เบอร์ลี่ ยุคเกอร์” คาดรายได้คาดว่าจะเติบโตได้ที่ระดับ 20% มากกว่าเป้าหมายเดิมที่ 15% ตั้งเป้าในปีหน้าจะรักษาอัตรากำไรสุทธิให้กลับมาอยู่ในระดับ 6% ฟุ้งรายได้ปีนี้หลังเข้าซื้อไทยอัน ในเวียดนาม สร้างรายได้ให้บริษัทแล้วกว่า 1,500 ล้านบาท แย้มเตรียมเจรจาเข้าซื้อกิจการโรงงานผลิตยา ตั้งงบลงทุนไม่ต่ำกว่า 5 พันล้าน บ. ทั้งยังวางแผนลงทุนในต่างประเทศกลุ่ม AEC ในอนาคต ที่สัดส่วนรายได้ 50 : 50

น.ส.เมธินี อิสรจินดา รองผู้อำนวยการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ หรือ BJC กล่าวว่า บริษัทฯ คาดว่ากำไรสุทธิในปีนี้จะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 2,400 ล้านบาท โดยในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯ มีกำไรสุทธิแล้วกว่า 1,800 ล้านบาท ขณะที่รายได้คาดว่าจะเติบโตได้ที่ระดับ 20% มากกว่าเป้าหมายเดิมที่ 15% สาเหตุที่กำไรสุทธิไม่เติบโตไปในทิศทางเดียวกับรายได้ เนื่องจากอัตรากำไรสุทธิในปีนี้มีการปรับลดลงมาจากระดับปกติที่ 6% เพราะบริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการบริหารที่เพิ่มสูงขึ้นเป็น 17.1% จากเดิม 16.4% แต่ในปีหน้าบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายที่จะรักษาอัตรากำไรสุทธิให้กลับมาอยู่ในระดับ 6% โดยบริษัทฯ จะมีการบริหารต้นทุนในการผลิต รวมถึงต้นทุนในการบริหารให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ในขณะที่รายได้ที่สูงมากกว่าเป้าหมายเดิมที่วางไว้ ส่วนหนึ่งมาจากรายได้ของบริษัทไทยอัน ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่ดำเนินธุรกิจในประเทศเวียดนาม โดยบริษัทฯ ได้เข้าซื้อกิจการเมื่อเดือนมีนาคม โดยบริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วน 65% โดยใน 9 เดือนแรก บริษัทไทยอัน สามารถสร้างรายได้ให้ BJC แล้วกว่า 1,500 ล้านบาท ซึ่งในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าว่าไทยอัน จะสามารถสร้างรายได้อีกไม่ต่ำกว่า 700 ล้านบาท หรือรายได้ทั้งปี 2,200 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี ในส่วนของเป้ารายได้ในปีหน้านั้น บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 15%  ซึ่งใกล้เคียงกับปีนี้ และกำไรสุทธิคาดว่า จะสูงกว่าในปีนี้เช่นเดียวกัน เนื่องจากในปีหน้า บริษัทลูกที่ขาดทุน เช่น ธุรกิจผลิตบรรจุภัณฑ์ประเภทแก้ว และกระป๋องในประเทศเวียดนาม ธุรกิจผลิตภัณฑ์นม และบริษัทไทยอัน พลิกกลับมามีกำไรได้ หรือมีผลประกอบการที่ดีขึ้น รวมถึงในปีหน้าบริษัทฯ จะมีการขยายธุรกิจเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของการเข้าซื้อกิจการโรงงานผลิตยาทั้งใน และต่างประเทศ ซึ่งอยู่ในช่วงของการเจรจา และคาดว่าจะได้ข้อสรุปไม่เกินไตรมาสที่ 2 ปีหน้า โดยบริษัทคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 5 พันล้านบาท ในส่วนของเงินลงทุนนั้น บริษัทฯ ได้พูดคุยกับทางสถาบันการเงินหลายแห่งที่จะสามารถปล่อยสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 3.9% 

ในขณะที่การเจรจาเข้าซื้อกิจการในต่างประเทศนั้น บริษัทฯ ปรับเป้าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 50 : 50 ภายในระยะเวลา 5 ปี หรือในปี 2561 จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 18% โดยจะเน้นในการเข้าซื้อกิจการโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์ และธุรกิจร้านสะดวกซื้อในประเทศพม่า ลาว และเวียดนาม ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีร้านสะดวกซื้อในเวียดนามที่เปิดไปแล้ว 54 สาขา และจะเปิดให้ครบ 60 สาขาภายในสิ้นปีนี้ โดยบริษัทวางเป้าหมายที่เพิ่มให้ได้ถึง 300 สาขา ภายใน 3 ปี ส่วนในประเทศลาวนั้น บริษัทฯ ได้ตั้งบริษัทลูกเพื่อลงทุนในการเข้าซื้อกิจการร้านสะดวกซื้อเข้าดำเนินกิจการ ที่คาดว่าจะสามารถขยายสาขาได้ 150 สาขา ในส่วนของการเข้าไปลงทุนในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องในประเทศพม่านั้น บริษัทฯ อยู่ในช่วงของการศึกษาข้อมูล และยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะดำเนินการได้เมื่อไหร่ เนื่องจากติดใจข้อกฎหมาย และระบบต่างๆ ที่ยังไม่เรียบร้อย  
กำลังโหลดความคิดเห็น