บมจ.เหมราช พัฒนาที่ดิน คงเป้าเติบโตรายได้ปีนี้ 40% พร้อมปรับแผนการขายที่ดินมากขึ้นจาก 1.8 พันไร่ เป็น 2.1 พันไร่ รองรับอุตฯ ยานยนต์ส่งออกที่โตต่อเนื่อง เผยเตรียมผันงบลุยโรงไฟฟ้า SPP 8 โรงภายใน 5 ปี คลุมทุกพื้นที่นิคม จ่อออกกองทุนอสังหาฯ 4.5 พันล้าน ไตรมาส 4 ปีนี้
นายเผ่าพิทยา สมุทรกลิน ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผน และนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.เหมราช พัฒนาที่ดิน หรือ HEMRAJ กล่าวว่า บริษัทเตรียมที่จะปรับเพิ่มเป้ายอดขายการขายที่ดินในปีนี้เป็นครั้งที่ 2 จำนวน 2,100 ไร่ จากเดิมที่ปรับเป้ายอดขายที่ดินครั้งในแรก จำนวน 1,800 ไร่ ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา การปรับเป้ายอดขายที่เพิ่มขึ้นมากนั้นส่วนหนึ่งจากการที่ผู้ประกอบการจากต่างประเทศ มีความสนใจที่จะต้องการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจผลิตยานยนต์ และชิ้นส่วน เนื่องจากอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ในประเทศไทยมีการขยายตัวเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเห็นได้จากในครึ่งปีแรกมียอดขายที่ดินเติบโตขึ้นกว่า 40-45% เทียบอัตราส่วนจากปีที่แล้ว โดยมีลูกค้าจากญี่ปุ่นเข้าซื้อที่ดินเพิ่มขึ้นถึง 40% และมีลูกค้ารายใหม่ที่สนใจจะเข้ามาซื้อที่ดิน ได้แก่ ประเทศออสเตรเลีย และประเทศจีน ซึ่งเป็นธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์รายใหญ่ ส่งให้แก่โรงงานประกอบรถยนต์ในหลายๆ แบรนด์
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เตรียมแผนการลงทุนในโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก หรือ SPP ขนาดกำลังผลิต 126 เมกะวัตต์ อีกประมาณ 7-8 โรง ภายในระยะเวลาประมาณ 3-5 ปี โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 380-400 ล้านบาทต่อโรง ซึ่งจะใช้เงินลงทุนรวมกว่า 2.8-3 พันล้านบาท โดยในปัจจุบัน บริษัทฯ มีโรงไฟฟ้า SPP ขนาด 126 เมกะวัตต์อยู่แล้ว 1 โรง ที่ จ.ระยอง ซึ่งเป็นการร่วมทุนกันกับ บ.กัลฟ์ เจพี ซึ่งเป็นบริษัทผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กของประเทศญี่ปุ่นที่บริษัทฯ ถือหุ้นอยู่ โดยบริษัทจะลงทุนโดยการเข้าไปถือหุ้นในสัดส่วน 25% ส่วนแผนการจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ บริษัทคาดว่าจะสามารถจัดตั้งได้ภายในไตรมาส 4 ของปีนี้ ซึ่งอยู่ระห่างการพูดคุยกับที่ปรึกษาทางการเงิน และดูรายละเอียดต่างๆ ของเอกสาร โดยบริษัทมีแผนนำพื้นที่โรงงานให้เช่า 150,000 ตารางเมตร ขายเข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ มูลค่าประมาณ 4.5 พันล้านบาท
ขณะที่สิ้นไตรมาส 2/56 บริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ หรือ Backlog อยู่ประมาณ 3.2 พันล้านบาท คาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้เฉลี่ยแล้ว 50% โดยส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปีหน้า และบริษัทยังคงเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 40% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 7.3 พันล้านบาท อย่างไรก็ดีสำหรับงบลงทุนในปีนี้บริษัทคงใช้งบลงทุน 8 พันล้านบาท สำหรับการพัฒนาในทุกธุรกิจของบริษัท ซึ่งในปีนี้บริษัทจะมีการเปิดนิคมแห่งที่ 7 “นิคมอุตสาหกรรม เหมราชชลบุรี 2” เพื่อรองรับการขยายตัวของการลงทุนในประเทศในอนาคต โดยยังไม่มีการลดงบลงทุนลงหลังจากสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศจะมีการชะลอตัว เนื่องจากการลงทุนก็มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคในประเทศ และธุรกิจส่งออก ซึ่งการชะลอตัวของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นอาจเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ส่วนแผนการลงทุนในปีหน้าอาจต้องรอดูสถานการณ์ ถ้าหากเศรษฐกิจซบเซาลงมากก็อาจจะมีการปรับลดสัดส่วนงบลงทุนในบางธุรกิจลง
“การจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ตอนนี้บริษัทฯได้พูดคุยกับที่ปรึกษาทางการเงิน และดูรายละเอียดของเอกสาร คาดว่าจะจัดตั้งได้ในช่วงปลายปี ประมาณตุลาคมนี้คาดว่าน่าจะได้ข้อสรุป โดยจะนำพื้นที่โรงงานให้เช่า 150,000 ตารางเมตร ขายเข้ากองทุน ซึ่งมูลค่าที่ประเมินไว้ประมาณเฉลี่ย 4.5 พันล้านบาท ทั้งนี้ กำไรที่ได้จากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนก็จะบันทึกในไตรมาส 4 ปีนี้ได้ทันที ส่วนเงินที่ได้จะนำไปแบ่งเป็น 3 ส่วน โดยใช้สำหรับขยายธุรกิจร้านให้เช่ามากขึ้น ส่วนที่ 2 เราจะนำไปลดภาระหนี้ ทำให้ต้นทุนทางการเงินลดลง และส่วนที่ 3 จะนำไปใช้เป็นเงินหมุนเวียนเพื่อเสริมสภาพคล่องในกรณีฉุกเฉิน”
