เหมราชพัฒนาที่ดิน (HEMRAJ) คงเป้ารายได้ปี 56 เติบโต 40% แตะ 9 พันล้านบาท จากธุรกิจของบริษัทเติบโตขึ้น ขณะที่กำไรก็คาดว่าจะเติบโตในทิศทางเดียวกัน ขณะที่บริษัทเตรียมเปิดขายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมชลบุรีเฟส 2 ที่มีขนาดพื้นที่ 700 ไร่ ในช่วงไตรมาส 4/56 ส่วนพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมในเครือของบริษัททั้ง 7 แห่ง ยังไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมในขณะนี้
นายเผ่าพิทยา สมุทรกลิน ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผน และนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) หรือ HEMRAJ เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าว่ากำไรปีนี้จะเติบโตมากกว่าปีก่อนที่ทำได้ 2.3 พันล้านบาท ตามรายได้ที่คาดว่าจะเติบโต 40 % มาแตะ 9 พันล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้แล้วกว่า 4.3 พันล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทยังคงเป้าหมายยอดขายที่ดินในปีนี้ที่ 2.1 พันล้านบาท ซึ่งในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มียอดขายแล้วกว่า 1,978 ไร่ และบริษัทมีแผนจะเปิดขายพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมชลบุรีเฟส 2 ในช่วงไตรมาส 4/56 ซึ่งปัจจุบันเริ่มมีลูกค้าที่สนใจเข้ามาเจรจาบ้างแล้ว เบื้องต้นมีประมาณ 3 รายใหญ่ ขณะที่สถานการน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศนั้น ยังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อนิคมอุตสาหกรรมของบริษัททั้ง 7 แห่ง ทำให้ลูกค้าของบริษัทยังมีความมั่นใจ และเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง
นายเผ่าพิทยา กล่าวว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างเตรียมการจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund) ตามเป้าหมายเดิมในช่วงไตรมาส 4/56 คาดว่าจะขายสิทธิในพื้นที่โรงงานให้เช่ากว่า 1.5 แสนตารางเมตร เป็นสินทรัพย์ของกองทุน ขณะที่ในปี 57 บริษัทตั้งงบลงทุนเบื้องต้นไว้ที่ 6-7 พันล้านบาท จากปีนี้ใช้ไป 8.5 พันล้านบาท โดยใช้ซื้อที่ดิน 30% และพัฒนานิคมฯ 30% ส่วนที่เหลือจะใช้ในการลงทุนด้านระบบสาธารณูปโภคต่างๆ
ด้านนายเดวิด นาร์โดน กรรมการผู้จัดการ HEMRAJ กล่าวว่า ธุรกิจของบริษัทในปัจจุบันยังมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และมีความแข็งแกร่ง เนื่องจากบริษัทได้กระจายรายได้ไปในหลายธุรกิจ ทั้งนิคมอุตสาหกรรม บริการสาธารณูปโภค และอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลให้บริษัทมีรายได้ที่ค่อนข้างเข็งแกร่ง และเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ และมีความแน่นอน
ส่วนนายวิวัฒน์ จิรัฐติกาลสกุล รองกรรมการผู้จัดการ HEMRAJ เปิดเผยว่า บริษัทยังเดินหน้าลงทุนสร้างโรงไฟฟ้า SPP ตามแผนที่วางไว้ หลังจากในปีนี้มีโรงไฟฟ้า 1 แห่ง สามารถเริ่มจ่ายไฟฟ้าได้ ส่วนที่เหลืออีก 8 แห่ง บริษัทจะเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 25% ในแต่ละโครงการ โดยคาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนตั้งแต่ปี 57-60 ทั้งหมดกว่า 2 พันล้านบาท ตามสัดส่วนการถือหุ้น
นอกจากนั้น บริษัทยังศึกษาการขยายธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในประเทศต่างๆ เช่น เวียดนาม ลาว และกำพูชา
“เราได้เข้าไปศึกษาในหลายๆ ประเทศแต่ยังไม่ได้เข้าไปขยาย เพราะยังมีหลายๆ อย่างที่ไม่ตรงกับเป้าหมายของบริษัทฯ เพราะบริษัทฯ มุ่งเน้นที่จะขยายนิคมในรูปแบบที่เน้นให้บริการสาธารณูปโภคมากกว่า” นายวิวัฒน์กล่าว
นายเผ่าพิทยา สมุทรกลิน ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผน และนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) หรือ HEMRAJ เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าว่ากำไรปีนี้จะเติบโตมากกว่าปีก่อนที่ทำได้ 2.3 พันล้านบาท ตามรายได้ที่คาดว่าจะเติบโต 40 % มาแตะ 9 พันล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้แล้วกว่า 4.3 พันล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทยังคงเป้าหมายยอดขายที่ดินในปีนี้ที่ 2.1 พันล้านบาท ซึ่งในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มียอดขายแล้วกว่า 1,978 ไร่ และบริษัทมีแผนจะเปิดขายพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมชลบุรีเฟส 2 ในช่วงไตรมาส 4/56 ซึ่งปัจจุบันเริ่มมีลูกค้าที่สนใจเข้ามาเจรจาบ้างแล้ว เบื้องต้นมีประมาณ 3 รายใหญ่ ขณะที่สถานการน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศนั้น ยังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อนิคมอุตสาหกรรมของบริษัททั้ง 7 แห่ง ทำให้ลูกค้าของบริษัทยังมีความมั่นใจ และเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง
นายเผ่าพิทยา กล่าวว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างเตรียมการจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund) ตามเป้าหมายเดิมในช่วงไตรมาส 4/56 คาดว่าจะขายสิทธิในพื้นที่โรงงานให้เช่ากว่า 1.5 แสนตารางเมตร เป็นสินทรัพย์ของกองทุน ขณะที่ในปี 57 บริษัทตั้งงบลงทุนเบื้องต้นไว้ที่ 6-7 พันล้านบาท จากปีนี้ใช้ไป 8.5 พันล้านบาท โดยใช้ซื้อที่ดิน 30% และพัฒนานิคมฯ 30% ส่วนที่เหลือจะใช้ในการลงทุนด้านระบบสาธารณูปโภคต่างๆ
ด้านนายเดวิด นาร์โดน กรรมการผู้จัดการ HEMRAJ กล่าวว่า ธุรกิจของบริษัทในปัจจุบันยังมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และมีความแข็งแกร่ง เนื่องจากบริษัทได้กระจายรายได้ไปในหลายธุรกิจ ทั้งนิคมอุตสาหกรรม บริการสาธารณูปโภค และอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลให้บริษัทมีรายได้ที่ค่อนข้างเข็งแกร่ง และเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ และมีความแน่นอน
ส่วนนายวิวัฒน์ จิรัฐติกาลสกุล รองกรรมการผู้จัดการ HEMRAJ เปิดเผยว่า บริษัทยังเดินหน้าลงทุนสร้างโรงไฟฟ้า SPP ตามแผนที่วางไว้ หลังจากในปีนี้มีโรงไฟฟ้า 1 แห่ง สามารถเริ่มจ่ายไฟฟ้าได้ ส่วนที่เหลืออีก 8 แห่ง บริษัทจะเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 25% ในแต่ละโครงการ โดยคาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนตั้งแต่ปี 57-60 ทั้งหมดกว่า 2 พันล้านบาท ตามสัดส่วนการถือหุ้น
นอกจากนั้น บริษัทยังศึกษาการขยายธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในประเทศต่างๆ เช่น เวียดนาม ลาว และกำพูชา
“เราได้เข้าไปศึกษาในหลายๆ ประเทศแต่ยังไม่ได้เข้าไปขยาย เพราะยังมีหลายๆ อย่างที่ไม่ตรงกับเป้าหมายของบริษัทฯ เพราะบริษัทฯ มุ่งเน้นที่จะขยายนิคมในรูปแบบที่เน้นให้บริการสาธารณูปโภคมากกว่า” นายวิวัฒน์กล่าว