ASTVผู้จัดการรายวัน – “โกลว์พลังงาน” ฟุ้งครึ่งปีหลังกำไรพุ่งใกล้เคียง 6 เดือนแรกนี้อยู่ที่ 3.71 พันล้านบาท เหตุรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วันและโรงไฟฟ้าเอสพีพีเต็มปี ยันไม่มีแผนลงทุนโรงไฟฟ้าใหม่ในช่วง 2-3ปีข้างหน้า ทำให้กำไรที่ได้จ่ายปันผลเอาใจผู้ถือหุ้น เมินลงทุนโซลาร์ รูฟ อ้างผลตอบแทนการลงทุนต่ำ
นายณัฐพรรษ ตันบุญเอก ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน)(GLOW) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังนี้ บริษัทฯคาดว่าจะมีกำไรสุทธิใกล้เคียง 6 เดือนแรกของปี 2556 ประมาณ 3.71 พันล้านบาท เนื่องจากรับรู้รายได้เต็มปีจากโรงไฟฟ้าถ่านหินเก็คโค่-วัน ขนาด 660 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้า โกลว์ เอพีพี 12 และโรงไฟฟ้าโกลว์ ไอพีพี 12 กำลังผลิต
90 เมกะวัตต์และ 110 เมกะวัตต์ตามลำดับ ส่งผลให้ทั้งปีบริษัทฯคาดว่าจะมีกำไรประมาณ 7-8 พันล้านบาท สูงกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 5.56 พันล้านบาท
เนื่องจากบริษัทฯยังไม่มีแผนการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้านี้ จึงมีนโยบายที่จะเน้นจ่ายเงินปันผลคืนให้กับผู้ถือหุ้น โดยปีนี้จะยังรักษาอัตราการจ่ายเงินปันผลที่อัตรา 50%ของกำไรสุทธิ และปีถัดไปจะพิจารณาจ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูงกว่า 50% หลังจากบริษัทฯชำระคืนหนี้จนมีอัตราหนี้สินต่อทุน(D/E)อยู่ในเกณฑ์ปกติ คือต่ำกว่า 1.5 เท่า ซึ่งปัจจุบันD/E
อยู่ที่ 1.8 เท่า
ส่วนความคืบหน้าการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังลมนั้น บริษัทฯตัดสินใจไม่ลงทุนโครงการดังกล่าวแล้ว เนื่องจากผลตอบแทนการลงทุน (IRR)ในรูปเงินบาทอยู่ที่ 15% ซึ่งถือว่าต่ำกว่าเกณฑ์การลงทุนของบริษัทฯที่ตั้งไว้ เนื่องจากโครงการลงทุนพลังงานหมุนเวียนมีความเสี่ยงสูง จำเป็นต้องมีIRR สูงตามไปด้วย
ดังนั้น บริษัทฯจึงไม่สนใจการเข้าไปลงทุนโครงการแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (โซล่าร์รูฟ) เนื่องจากเห็นว่าผลตอบแทนการลงทุนต่ำกว่าเกณฑ์ที่บริษัทกำหนดไว้
“ในช่วง 1-2 ปีนี้จะไม่เห็นการเติบโตของกำลังการผลิตไฟฟ้า จากปัจจุบันมีกำลังผลิตอยู่ที่ 3.5 พันเมกะวัตต์ แต่จะเห็นการโตของกำไรสุทธิและการจ่ายเงินปันผลที่โตแบบก้าวกระโดด ซึ่งในอดีตบริษัทฯเคยจ่ายเงินปันผลคิดเป็นอัตรา 70-80%ของกำไรสุทธิในช่วงเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เนื่องจากช่วงนั้นโครงการโรงไฟฟ้าใหม่แล้วเสร็จ และยังไม่มีโครงการใหม่เข้ามา”
ก่อนหน้านี้ โกลว์ ได้ยื่นประมูลโรงไฟฟ้าผู้ผลิตเอกชนรายใหญ่ (ไอพีพี) 2,200 เมกะวัตต์ในพื้นที่อ.ปลวกแดง จังหวัดระยอง แต่ไม่ผ่านการคัดเลือกเนื่องจากราคาเสนอขายไฟฟ้าสูงกว่าคู่แข่ง ซึ่งจากการประเมินคาดว่าราคาค่าไฟที่เสนอสูงกว่าผู้ชนะประมูลเพียง 2-3 สตางค์/หน่วยเท่านั้น ส่วนพื้นที่ที่อ.ปลวกแดง อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะนำมาลงทุนโครงการใดได้บ้างเพื่อสร้างรายได้ หรือรอการประมูลไอพีพีรอบใหม่ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีท่อก๊าซฯผ่าน เหมาะที่จะทำโรงไฟฟ้าไอพีพี
นายณัฐพรรษ ตันบุญเอก ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน)(GLOW) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังนี้ บริษัทฯคาดว่าจะมีกำไรสุทธิใกล้เคียง 6 เดือนแรกของปี 2556 ประมาณ 3.71 พันล้านบาท เนื่องจากรับรู้รายได้เต็มปีจากโรงไฟฟ้าถ่านหินเก็คโค่-วัน ขนาด 660 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้า โกลว์ เอพีพี 12 และโรงไฟฟ้าโกลว์ ไอพีพี 12 กำลังผลิต
90 เมกะวัตต์และ 110 เมกะวัตต์ตามลำดับ ส่งผลให้ทั้งปีบริษัทฯคาดว่าจะมีกำไรประมาณ 7-8 พันล้านบาท สูงกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 5.56 พันล้านบาท
เนื่องจากบริษัทฯยังไม่มีแผนการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้านี้ จึงมีนโยบายที่จะเน้นจ่ายเงินปันผลคืนให้กับผู้ถือหุ้น โดยปีนี้จะยังรักษาอัตราการจ่ายเงินปันผลที่อัตรา 50%ของกำไรสุทธิ และปีถัดไปจะพิจารณาจ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูงกว่า 50% หลังจากบริษัทฯชำระคืนหนี้จนมีอัตราหนี้สินต่อทุน(D/E)อยู่ในเกณฑ์ปกติ คือต่ำกว่า 1.5 เท่า ซึ่งปัจจุบันD/E
อยู่ที่ 1.8 เท่า
ส่วนความคืบหน้าการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังลมนั้น บริษัทฯตัดสินใจไม่ลงทุนโครงการดังกล่าวแล้ว เนื่องจากผลตอบแทนการลงทุน (IRR)ในรูปเงินบาทอยู่ที่ 15% ซึ่งถือว่าต่ำกว่าเกณฑ์การลงทุนของบริษัทฯที่ตั้งไว้ เนื่องจากโครงการลงทุนพลังงานหมุนเวียนมีความเสี่ยงสูง จำเป็นต้องมีIRR สูงตามไปด้วย
ดังนั้น บริษัทฯจึงไม่สนใจการเข้าไปลงทุนโครงการแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (โซล่าร์รูฟ) เนื่องจากเห็นว่าผลตอบแทนการลงทุนต่ำกว่าเกณฑ์ที่บริษัทกำหนดไว้
“ในช่วง 1-2 ปีนี้จะไม่เห็นการเติบโตของกำลังการผลิตไฟฟ้า จากปัจจุบันมีกำลังผลิตอยู่ที่ 3.5 พันเมกะวัตต์ แต่จะเห็นการโตของกำไรสุทธิและการจ่ายเงินปันผลที่โตแบบก้าวกระโดด ซึ่งในอดีตบริษัทฯเคยจ่ายเงินปันผลคิดเป็นอัตรา 70-80%ของกำไรสุทธิในช่วงเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เนื่องจากช่วงนั้นโครงการโรงไฟฟ้าใหม่แล้วเสร็จ และยังไม่มีโครงการใหม่เข้ามา”
ก่อนหน้านี้ โกลว์ ได้ยื่นประมูลโรงไฟฟ้าผู้ผลิตเอกชนรายใหญ่ (ไอพีพี) 2,200 เมกะวัตต์ในพื้นที่อ.ปลวกแดง จังหวัดระยอง แต่ไม่ผ่านการคัดเลือกเนื่องจากราคาเสนอขายไฟฟ้าสูงกว่าคู่แข่ง ซึ่งจากการประเมินคาดว่าราคาค่าไฟที่เสนอสูงกว่าผู้ชนะประมูลเพียง 2-3 สตางค์/หน่วยเท่านั้น ส่วนพื้นที่ที่อ.ปลวกแดง อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะนำมาลงทุนโครงการใดได้บ้างเพื่อสร้างรายได้ หรือรอการประมูลไอพีพีรอบใหม่ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีท่อก๊าซฯผ่าน เหมาะที่จะทำโรงไฟฟ้าไอพีพี
