ธ.ก.ส.เล็งยกระดับขยายบริการบัตรเครดิต หลังบัตรสินเชื่อเกษตรกรประสบความสำเร็จ เล็งดึงลูกค้าเกษตรกรที่มีประวัติการชำระเงินที่ดี และคุณสมบัติตรงตาม ธปท.กำหนดนำร่อง 4 แสนรายเข้าร่วมโครงการ พร้อมทุ่มงบประมาณ 800 ล้าน ปรับระบบคอร์แบงกิ้งขยายบริการทางการเงินให้ครบวงจรเทียบเท่าแบงก์พาณิชย์
นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า หลังจากดำเนินโครงการบัตรสินเชื่อเกษตรกร โดยมีการส่งมอบบัตรสินเชื่อให้เกษตรกรแล้วจำนวนทั้งสิ้น 4.14 ล้านบัตร พบว่า เกษตรกรนำไปซื้อปัจจัยการผลิตแล้วเป็นมูลค่า 1.7 หมื่นล้านบาท และมีร้านค้าเข้าร่วมโครงการ จำนวน 10,477 แห่ง โดยบัตรสินเชื่อดังกล่าวยังจำกัดที่การนำไปใช้ซื้อสินค้าปุ๋ย เมล็ดพันธุ์ ยาปราบศัตรูพืช น้ำมัน อาหารสัตว์ และเครื่องจักรกลการเกษตรไม่เกิน 1 หมื่นบาทต่อชิ้น และยังเป็นร้านค้าสหกรณ์เป็นส่วนใหญ่ ธ.ก.ส.จึงมีแนวคิดจะพัฒนาต่อยอดไปเป็นบัตรเครดิตที่สามารถใช้รูดซื้อสินค้าได้ทั่วไปได้
ทั้งนี้ พบว่าการดำเนินการบัตรสินเชื่อเกษตรกรช่วงที่ผ่านมาประสบความสำเร็จอย่างดี มีลูกหนี้ชำระตรงตามกำหนดจำนวนมาก การพิจารณาต่อยอดเป็นบัตรเครดิต ในเบื้องต้นจะพิจารณาจากลูกหนี้ที่มีประวัติการชำระดี มีรายได้สม่ำเสมอทุกเดือน จึงมีกลุ่มที่เข้าข่ายการพิจารณาให้บัตรเครดิตประมาณ 10% หรือกว่า 4 แสนราย โดยระหว่างนี้ ธ.ก.ส.อยู่ระหว่างพัฒนาระบบการจัดทำบัตร และการใช้งาน คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี จึงจะเสร็จสมบูรณ์ หลังจากนั้นธนาคารจึงจะพร้อมบุกตลาดบัตรเครดิตอย่างเต็มที่เพื่อให้เกษตรกรที่มีฐานะดีใช้บัตรเครดิตซื้อสินค้าได้หลากหลายเหมือนกับบัตรเครดิตทั่วๆ ไป
ด้านนายสมศักดิ์ กังธีระวัฒน์ รองผู้จัดการ ธ.ก.ส. กล่าวว่า เมื่อเกษตรกรมีความพร้อมในการใช้บัตรแทนเงินสดมากขึ้น ธนาคารจึงได้เตรียมรุกตลาดบัตรเครดิตด้วยการพัฒนาระบบบัตรเครดิตจากเดิมที่เป็นระบบปิดใช้ได้กับเครื่องที่เป็นร้านค้าเข้าร่วมโครงการ และสินค้าตามที่กำหนดเท่านั้น ในอนาคตเมื่อเปลี่ยนเป็นบัตรเครดิตแล้วต้องเปลี่ยนระบบเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลใหม่ โดยอาจจะเป็นบัตรร่วมกับวีซ่า หรือมาสเตอร์การ์ด
ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างหารือเพื่อให้สามารถใช้ได้กับร้านค้าทั่วไป และสินค้าทุกประเภท แต่เกษตรกรที่จะใช้บัตรเครดิตต้องมีความรู้เป็นกลุ่มที่มีรายได้ปานกลางถึงสูง และมีรายได้สม่ำเสมอ เพราะการชำระหนี้บัตรเครดิตต้องเป็นไปตามเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนด หรือใช้มาตรฐานเดียวกับแบงก์อื่นๆ ที่กำหนดให้ชำระคืนภายใน 45 วัน และหากจ่ายขั้นต่ำต้องจ่ายทุกเดือน รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยน่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกันด้วย
นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า หลังจากดำเนินโครงการบัตรสินเชื่อเกษตรกร โดยมีการส่งมอบบัตรสินเชื่อให้เกษตรกรแล้วจำนวนทั้งสิ้น 4.14 ล้านบัตร พบว่า เกษตรกรนำไปซื้อปัจจัยการผลิตแล้วเป็นมูลค่า 1.7 หมื่นล้านบาท และมีร้านค้าเข้าร่วมโครงการ จำนวน 10,477 แห่ง โดยบัตรสินเชื่อดังกล่าวยังจำกัดที่การนำไปใช้ซื้อสินค้าปุ๋ย เมล็ดพันธุ์ ยาปราบศัตรูพืช น้ำมัน อาหารสัตว์ และเครื่องจักรกลการเกษตรไม่เกิน 1 หมื่นบาทต่อชิ้น และยังเป็นร้านค้าสหกรณ์เป็นส่วนใหญ่ ธ.ก.ส.จึงมีแนวคิดจะพัฒนาต่อยอดไปเป็นบัตรเครดิตที่สามารถใช้รูดซื้อสินค้าได้ทั่วไปได้
ทั้งนี้ พบว่าการดำเนินการบัตรสินเชื่อเกษตรกรช่วงที่ผ่านมาประสบความสำเร็จอย่างดี มีลูกหนี้ชำระตรงตามกำหนดจำนวนมาก การพิจารณาต่อยอดเป็นบัตรเครดิต ในเบื้องต้นจะพิจารณาจากลูกหนี้ที่มีประวัติการชำระดี มีรายได้สม่ำเสมอทุกเดือน จึงมีกลุ่มที่เข้าข่ายการพิจารณาให้บัตรเครดิตประมาณ 10% หรือกว่า 4 แสนราย โดยระหว่างนี้ ธ.ก.ส.อยู่ระหว่างพัฒนาระบบการจัดทำบัตร และการใช้งาน คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี จึงจะเสร็จสมบูรณ์ หลังจากนั้นธนาคารจึงจะพร้อมบุกตลาดบัตรเครดิตอย่างเต็มที่เพื่อให้เกษตรกรที่มีฐานะดีใช้บัตรเครดิตซื้อสินค้าได้หลากหลายเหมือนกับบัตรเครดิตทั่วๆ ไป
ด้านนายสมศักดิ์ กังธีระวัฒน์ รองผู้จัดการ ธ.ก.ส. กล่าวว่า เมื่อเกษตรกรมีความพร้อมในการใช้บัตรแทนเงินสดมากขึ้น ธนาคารจึงได้เตรียมรุกตลาดบัตรเครดิตด้วยการพัฒนาระบบบัตรเครดิตจากเดิมที่เป็นระบบปิดใช้ได้กับเครื่องที่เป็นร้านค้าเข้าร่วมโครงการ และสินค้าตามที่กำหนดเท่านั้น ในอนาคตเมื่อเปลี่ยนเป็นบัตรเครดิตแล้วต้องเปลี่ยนระบบเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลใหม่ โดยอาจจะเป็นบัตรร่วมกับวีซ่า หรือมาสเตอร์การ์ด
ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างหารือเพื่อให้สามารถใช้ได้กับร้านค้าทั่วไป และสินค้าทุกประเภท แต่เกษตรกรที่จะใช้บัตรเครดิตต้องมีความรู้เป็นกลุ่มที่มีรายได้ปานกลางถึงสูง และมีรายได้สม่ำเสมอ เพราะการชำระหนี้บัตรเครดิตต้องเป็นไปตามเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนด หรือใช้มาตรฐานเดียวกับแบงก์อื่นๆ ที่กำหนดให้ชำระคืนภายใน 45 วัน และหากจ่ายขั้นต่ำต้องจ่ายทุกเดือน รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยน่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกันด้วย
