xs
xsm
sm
md
lg

โบรกฯ เผยนักลงทุนหันกลับมาสนใจภาพรวม ศก.มากขึ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หุ้นปิดบวก 15 จุด ทิศทางเดียวกับหุ้นเอเชีย ขานรับ ศก.จีนเติบโต 7.8% ขณะที่มีการเก็งกำไรกลุ่มแบงก์คึกคัก หลังธนาคารขนาดใหญ่ 2 แห่ง ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/56 ออกมาดีกว่าคาด โบรกฯ เผยนักลงทุนหันกลับมาสนใจภาพรวม ศก.มากขึ้น

ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (18 ต.ค.) ดัชนีปิดตลาดที่ระดับ 1,484.72 จุด เพิ่มขึ้น 15.63 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +1.06% มูลค่าการซื้อขาย 38,908.11 ล้านบาท โดยตลาดหุ้นไทยมีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นกลุ่มธนาคารอย่างโดดเด่น หลังธนาคารขนาดใหญ่ 2 แห่ง ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/56 ออกมาดีกว่าคาด

ด้านสัดส่วนผู้ลงทุนวันนี้ ต่างชาติซื้อสุทธิ 994 ล้านบาท รายย่อยขายสุทธิ 1.2 ล้านบาท สถาบันขาย 815 ล้านบาท และบัญชีโบรกเกอร์ซื้อสุทธิ 1 พันล้านบาท

นักวิเคราะห์ยอมรับว่า ตลาดหุ้นไทยผันผวนในแดนบวกตลอดทั้งวัน เช่นเดียวกันกับตลาดหุ้นอื่นในแถบเอเชีย โดยได้รับอานิสงส์จากเพดานหนี้สหรัฐฯ คลี่คลาย ส่งผลให้นักลงทุนส่วนใหญ่หันกลับมาให้ความสนใจในภาพรวมเศรษฐกิจมากขึ้น ประกอบกับมีปัจจัยบวกมาจากตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของจีนที่ออกมาดีตามคาด โดยขยายตัวได้ 7.8%

นอกจากนี้ ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) น่าจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดแรงซื้อเก็งกำไรในตลาดได้ จากการคาดการณ์กำไรล่วงหน้า คาดว่าหุ้นที่มีกำไรสุทธิเติบโตจากไตรมาสก่อนหน้า และเมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จะมีกลุ่มการเงิน กลุ่มประกัน กลุ่มเหล็ก กลุ่มพลังงาน กลุ่มค้าปลีก กลุ่มบันเทิง กลุ่มขนส่ง กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มสื่อสาร ซึ่งจะทำให้มีแรงเก็งกำไรเข้ามาพอสมควร

ส่วนประเด็นสหรัฐฯ สามารถบรรลุข้อตกลงเรื่องขยายเพดาหนี้ได้ก็ยังถือเป็นปัจจัยบวกในระยะสั้น ซึ่งในระยะถัดไป คงจะต้องติดตามการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันที่ 29-30 ต.ค.56 ซึ่งคาดว่า เฟดจะคงขนาดมาตรการอัดฉีดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ (คิวอี) ในการประชุมรอบนี้

ขณะเดียวกัน ก็ยังมีความเป็นไปได้สูงที่เฟดจะคงขนาดต่อเนื่องไปถึงการประชุม 17-18 ธ.ค.56 หลังมีสัญญาณดีจาก นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์, นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานสาขาชิคาโก, นายนารายานา โคเชอร์ลาโคทา ประธานสาขามินนิอาโปลิส และนายริชาร์ด ฟิชเชอร์ ประธานสาขาดัลลัส ล้วนกล่าวในทำนองเดียวกันว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะเลื่อนการตัดสินใจปรับลดขนาดคิวอีออกไปอย่างน้อยจนกว่าจะถึงเดือน ธ.ค.นี้

แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า คาดว่าตลาดจะแกว่งไซด์เวย์ เนื่องจากจะมีการเข้ามาเล่นเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มธนาคารอีกครั้ง รวมถึงประเด็นทางการเมืองในประเทศที่เกี่ยวกับเรื่อง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ที่ขณะนี้อยู่ในช่วงรอการพิจารณาของวุฒิสภาที่จะแล้วเสร็จในระยะเวลา 30 วัน และการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา

นอกจากนี้ ยังรวมถึงการชุมนุมทางการเมืองที่ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยมีประเด็นหลักมาจากคำพิพากษาของศาลโลกในคดีปราสาทเขาพระวิหาร ที่จะเกิดขึ้นช่วงกลางเดือนหน้า ซึ่งอาจจะเข้ามากดดันตลาดได้ ทำให้คาดว่าดัชนีจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบจำกัด พร้อมให้แนวรับที่ 1,420-1,440 จุด และแนวต้าน 1,500-1,520 จุด

สำหรับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่

TRUE ปิดที่ 9.85 บาท เพิ่มขึ้น 0.45 บาท มูลค่าการซื้อขาย 3,227.26 ล้านบาท

KBANK ปิดที่ 192.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,017.38 ล้านบาท

SCB ปิดที่ 164.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,743.15 ล้านบาท

ADVANC ปิดที่ 267.00 บาท ลดลง -3.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,660.05 ล้านบาท

KTB ปิดที่ 21.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,395.29 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น