นักเศรษฐศาสตร์ ธ.สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด หวังการลงทุนภาครัฐหนุนเศรษฐกิจไทยปี 57 เติบโตได้ 5.5% พร้อมวิเคราะห์ “เพดานหนี้” ช่วยพยุง ศก.โลกแค่ในระยะสั้น แต่ปัญหายังคงมีต่อไป พร้อมคาดสหรัฐฯ ถอน “คิวอี” เดือน มี.ค.ปีหน้า ดังนั้น ความผันผวนของตลาดการเงินโลกจะยังคงมีอยู่ต่อไป
น.ส.อุสรา วิไลพิชญ์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้เศรษฐกิจไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วงไตรมาส 2/2556 โดยไตรมาส 4/2556 เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ จากภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะไตรมาสสุดท้ายของปีเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว จึงเป็นแรงขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจปีนี้น่าจะโตได้ ร้อยละ 4 จากครึ่งแรกของปีโตร้อยละ 2.8
ส่วนเศรษฐกิจไทยปี 2557 มองว่าจะมีแรงส่งจากภาคการส่งออกที่น่าจะโตได้ร้อยละ 9 เป็นการฟื้นตัวขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ประกอบกับมีการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในไทยจำนวนมาก และปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนภาครัฐ ทั้งโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท และโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท ที่จะมีส่วนทำให้เศรษฐกิจไทยปีหน้าโตเพิ่มได้อีกร้อยละ 1.2 อยู่ที่ร้อยะ 5.5 แต่หาก 2 โครงการขนาดใหญ่ภาครัฐไม่สามารถดำเนินการได้คาด ปีหน้าเศรษฐกิจจะโตได้ร้อยละ 4.3
ส่วนการผ่านร่างขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ มองว่าจะช่วยให้ภาวะตลาดโลกดีขึ้น แต่จะต้องติดตามต่อในช่วงปลายปีนี้จนถึงต้นปีหน้า เนื่องจากสหรัฐฯ ยังต้องพิจารณาขยายเพดานต่อไปอีกในปีหนัา ดังนั้น ความผันผวนของตลาดการเงินโลกจะยังคงมีอยู่ต่อไป และยังคงต้องรอความชัดเจนว่าสหรัฐฯ จะถอนมาตรการคิวอีเมื่อไหร่ ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะเริ่มถอนในเดือนมีนาคม 2557 และเมื่อเริ่มถอนคิวอี ก็จะทำให้ตลาดมีเสถียรภาพมากขึ้นในช่วงไตรมาส 2/57 และหลังจากนั้นทิศทางค่าเงิน ดอกเบี้ย และเงินทุนเคลื่อนย้ายจะอยู่ที่ปัจจัยพื้นฐานของแต่ละประเทศเป็นหลัก
