xs
xsm
sm
md
lg

“หม่อมอุ๋ย” หนุนไอเดีย “ดร.กบ” นำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ตั้งกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อำพน กิตติอำพน
อดีตขุนคลัง “ม.ร.ว.ปรีดิยาธร” หนุนไอเดีย “อำพน” ปธ.บอร์ด ธปท. นำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ตั้งกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ ชี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะก่อนหน้านี้ผู้ว่าการฯ และรัฐมนตรีคลัง ในหลายสมัย ก็เคยมีแนวคิดนี้เช่นกัน ส่วนปัญหาหน้าผาการคลังมั่นใจสหรัฐฯ ขยาย “เพดานหนี้” ได้แน่นอน

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงแนวคิดของ นายอำพน กิตติอำพน ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด ธปท.) ที่จะนำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศออกมาจัดตั้งกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ เพื่อลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย และใช้ในโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท โดยยอมรับว่า เรื่องนี้ไม่ใช่แนวคิดใหม่ เพราะอดีตผู้ว่าการ ธปท. และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในหลายสมัย ก็มีแนวคิดนำเงินทุนสำรองออกมาใช้เพื่อการลงทุนอยู่แล้ว แต่จะต้องแก้กฎหมายของ พ.ร.บ. (พระราชบัญญัติ) ธปท.พ.ศ.2551 ก่อน

อย่างไรก็ตาม การจะนำเงินทุนสำรองมาลงทุนพันธบัตรรัฐบาลไทยถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะเป็นพันธบัตรที่มีความมั่นคงมากกว่าพันธบัตรรัฐบาลของประเทศอื่น ขณะที่อัตราดอกเบี้ยมีการจ่ายในอัตราที่สูงกว่าด้วย แต่ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่า ประธานบอร์ด ธปท. จะนำเงินทุนสำรองในส่วนใดออกมาใช้ในปริมาณเท่าใด เนื่องจากปัจจุบันเงินทุนสำรองดังกล่าวที่มีอยู่ 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งออกเป็น 2 บัญชี ประกอบด้วย บัญชีของฝ่ายบริหารทุนสำรอง 140,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และบัญชีฝ่ายออกบัตรอีก 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จึงยังไม่สามารถที่จะวิเคราะห์ออกมาได้ แต่ในเบื้องต้นหากจะนำเงินทุนสำรองมาใช้ประมาณ 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐก็ไม่มีปัญหา

พร้อมกันนี้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ยังเชื่อว่าสหรัฐฯ จะสามารถขยายเพดานหนี้ได้สำเร็จก่อนเส้นตายวันที่ 17 ตุลาคม 2556 นี้ และจะส่งผลดีให้เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ฟื้นตัวขึ้น โดยเห็นได้จากปัจจุบันเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และยุโรปเริ่มมีสัญญาณดีขึ้น ขณะที่จีน และญี่ปุ่นก็มีเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวเช่นกัน ดังนั้น คาดว่าไตรมาสที่ 4 ปีนี้ การส่งออกจะเริ่มมีสัญญาณดีขึ้น และในปีหน้าการส่งออกของไทยจะขยายตัวดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อการใช้จ่ายในประเทศให้ปรับตัวดีขึ้นกว่าปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลควรเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายปี 2557 และงบลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาทโดยเร็ว โดยในส่วนของโครงการลงทุน 2 ล้านล้านบาท หากไม่ผ่านการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญก็ยังสามารถเดินหน้าได้ ด้วยการจัดทำงบประมาณขาดดุลได้อีก 70,000-80,000 ล้านบาท หรือรัฐบาลกู้เงินเพิ่มตาม พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจได้อีก 200,000 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถชดเชยเงินตาม พ.ร.บ.ที่ไม่ผ่านการพิจารณาได้

ด้านนายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชัน มั่นใจว่าสหรัฐฯ จะสามารถแก้ไขปัญหาเพดานหนี้ได้เร็ว เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระยะยาว ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจทั่วโลกได้ รวมถึงประเทศไทยด้วย โดยคาดการณ์จีดีพีไทยปีนี้จะขยายตัวได้เฉลี่ยร้อยละ 3.5-4.0 ได้แน่นอน
กำลังโหลดความคิดเห็น