บิ๊กแบงก์กรุงเทพ ยันสินเชื่อยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง มั่นใจทั้งปีโตได้ตามเป้าหมาย 6-7% คาดวิกฤตงบฯ-หนี้สหรัฐฯ คลี่คลายได้ ด้านอดีตผู้ว่าฯ ธปท.แนะสร้างความแข็งแกร่งในทุกภาคส่วน เก็บกระสุนใช้ยามจำเป็น
นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)(BBL)กล่าวว่า วิกฤตงบประมาณ (Govermnet Shutdown) รวมถึงปัญหาหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ นั้น ตนเชื่อว่าทางธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีแนวทางที่จะแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าวอยู่แล้ว จึงยังไม่ได้เตรียมการอะไรสำหรับเรื่องดังกล่าว
ส่วนสภาพคล่องของระบบที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุดต่ำสุดในรอบ 13 ปีนั้น ธนาคารได้ติดตามเรื่องนี้มาเป็นลำดับอยู่แล้ว รวมถึงได้บริหารจัดการในเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว โดยปัจจุบันมีสัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากที่ 88-89% ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่เหมาะสม และทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เองก็คงจะดูแลส่งเสริมให้เกิดการออมในระดับที่เหมาะสมเพียงพอต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
“แม้ว่าในปีหน้าภาครัฐอาจจะต้องระดมเงินทุนเพิ่ม หากมีโครงการลงทุนต่างๆ ออกมา คงไม่มีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง เพราะธนาคารต่างๆ ก็เตรียมความพร้อมไว้แล้ว และโครงการดังกล่าวเป็นโครงการระยะยาว 5-7 ปี การใช้เงินจึงไม่ใช่ก้อนใหญ่ทีเดียว”
สำหรับสินเชื่อของธนาคารในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ยังสามารถเติบโตได้ในอัตรา 6-7% ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยเป็นการเติบโตในทุกๆ กลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ รายกลาง และรายย่อย และคาดว่าในช่วงที่เหลือของปีก็จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องเช่นกัน และการล่าช้าของโครงการรัฐก็จะไม่กระทบต่อเป้าหมายสินเชื่อของธนาคารแต่อย่างใด เนื่องจากยังไม่รวมเงินกู้จากโครงการดังกล่าวไว้ ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ยังทรงตัวอยู่ในระดับเดิม ส่วนเป้าหมายในปีหน้าอยู่ระหว่างพิจารณา
อดีตผู้ว่าฯ ธปท.เตือนเก็บกระสุนใช้ยามจำเป็น
นางธาริษา วัฒนเกส อดีตผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า กรณีวิกฤตงบประมาณนั้น ก็เป็นอย่างที่หลายๆ ฝ่ายได้วิเคราะห์กันว่าเป็นผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น กรณีที่น่าเป็นห่วงคือ การพิจารณาขยายเพดานหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ที่จะต้องสรุปภายในวันที่ 17 ตุลาคมนี้ ซึ่งหากตกลงกันไม่ได้ สหรัฐฯ ก็อาจจะต้องผิดนัดชำระหนี้ สิ่งที่จะตามมาก็คือ อาจถูกลดอันดับเครดิต เสียความเชื่อมั่น และต้องใช้เวลากว่าจะเรียกกลับคืนได้
อย่างไรก็ตาม โดยความคิดส่วนตัว และที่ทั่วโลกมองกันก็ยังเชื่อว่าสหรัฐฯ จะสามารถผ่านพ้นวิกฤตการณ์ดังกล่าวไปได้ โดยจะเห็นว่ายังมีการลงทุนในตราสารต่างๆ ของสหรัฐฯ อยู่ รวมถึงเข้าถือเงินดอลลาร์สหรัฐด้วย
“สถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ทำให้คาดการณ์อะไรได้ยาก เพราะจริงๆ แล้วก็ยังไม่มีใครรู้ว่าท้ายที่สุดแล้วจะจบอย่างไร ดังนั้น เราก็ควรทำให้ตัวเองแข็งแกร่ง ทั้งภาครัฐ และเอกชน ไม่ควรก่อหนี้มากเกินไป และเก็บกระสุนสำรองไว้ใช้เมื่อเกิดปัญหาจะดีกว่า”