xs
xsm
sm
md
lg

WINNER เริ่มซื้อขายใน mai 3 ตุลาคมนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“วินเนอร์กรุ๊ป เอ็นเตอร์ไพรซ์ (WINNER)” ผู้นำเข้า ผลิตจัดจำหน่ายวัตถุดิบ และผลิตภัณฑ์อาหารครบวงจร เป็นบริษัทจดทะเบียนเข้าใหม่ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ลำดับที่ 11 ของปี เริ่มซื้อขาย 3 ตุลาคมนี้

น.ส.ปวีณา ศรีโพธิ์ทอง ผู้ช่วยผู้จัดการ หัวหน้ากลุ่มงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บมจ.วินเนอร์กรุ๊ป เอ็นเตอร์ไพรซ์ (WINNER) จะเข้าจดทะเบียน และเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในวันที่ 3 ตุลาคม 2556 โดย WINNER ดำเนินธุรกิจนำเข้า ผลิต จัดจำหน่ายวัตถุดิบ ส่วนผสมและเคมีภัณฑ์เพื่อแปรรูปในอุตสาหกรรมอาหารและเบเกอรี ภายใต้ตราสินค้าชั้นนำระดับโลก และตราสินค้าของบริษัทเอง นอกจากนี้ ยังเป็นผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อบริโภค เช่น ป็อปคอร์นสำหรับไมโครเวฟ ตรา Pop Secret ธัญพืชแท่ง ตรา Nature Valley และแป้งเบเกอรีสำเร็จรูปตรา Betty Crocker โดยมีสินค้าจัดจำหน่ายมากกว่า 500 รายการ

WINNER มีทุนชำระแล้ว 100 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท ประกอบด้วย หุ้นสามัญเดิม 312 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 88 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนทั้งจำนวนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) เมื่อวันที่ 25-27 กันยายน 2556 ในราคาหุ้นละ 2.00 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนรวม 176 ล้านบาท โดยมี บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

นายเจน วองอิสริยะกุล กรรมการผู้จัดการ WINNER เปิดเผยว่า รู้สึกเป็นเกียรติ และมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่บริษัทได้เข้าระดมทุน และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai โดยบริษัทจะนำเงินจากการระดมทุนครั้งนี้ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการ และขยายธุรกิจ รวมทั้งลงทุนขยายคลังสินค้า และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งจะช่วยเสริมให้บริษัทเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

หลัง IPO ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ WINNER 3 ลำดับแรกได้แก่ ครอบครัววองอิสริยะกุล ถือหุ้น 50.56% ครอบครัวโรจนวิศาส ถือหุ้น 8.25% ครอบครัวตัณทนาวิวัฒน์ ถือหุ้น 3.32% การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้ คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) ที่ 9.2 เท่า โดยคำนวณจากกำไรสุทธิของบริษัท 4 ไตรมาสล่าสุด (ไตรมาส 3 ปี 2555-ไตรมาส 2 ปี 2556) หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (Fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.22 บาทต่อหุ้น เปรียบเทียบกับค่า P/E เฉลี่ยของบริษัทจดทะเบียนที่มีการประกอบธุรกิจคล้ายคลึงกับบริษัท (ระหว่างวันที่ 16 สิงหาคม-16 กันยายน 2556) เท่ากับ 18.8 เท่า บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล เงินสำรองตามกฎหมาย และเงินสำรองต่างๆ ทั้งหมด


กำลังโหลดความคิดเห็น