กรมคุ้มครองสิทธิฯ ไกล่เกลี่ยจบปัญหา “สหฟาร์ม” ตรวจแล้วไม่ทุจริต “แบงก์กรุงไทย” ยอมสนับสนุนสภาพคล่องให้ทำธุรกิจต่อได้ ขณะที่ประธานฯ สหฟาร์ม เผยเร่งจ่ายค่าแรงที่ค้างภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ ลั่นเดินหน้าขยายตลาดในกลุ่ม ตอ.กลาง
นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ในฐานะประธานคณะทำงานแก้ไขปัญหาหนี้เกษตรพันธสัญญาระหว่างบริษัท สหฟาร์ม และเกษตรกรคู่สัญญา กล่าวภายหลังหารือร่วมกับกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ นายปัญญา โชติเทวัญ ประธานกรรมการบริหารบริษัท สหฟาร์ม จำกัด และผู้แทนธนาคารกรุงไทย โดยยืนยันว่า ทั้งหมดได้ข้อสรุปทางออกร่วมกัน โดยธนาคารกรุงไทย ตกลงในหลักการที่จะสนับสนุนเงินในหลักพันล้านบาทให้แก่สหฟาร์มเพื่อให้เกิดสภาพคล่อง สามารถทำธุรกิจต่อไปได้ เพราะบริษัท สหฟาร์ม เป็นบริษัทที่บริโภคข้าวโพดถึงประมาณ 1 ล้านตัน หรือคิดเป็นร้อยละ 25-30 ต่อปีของผลผลิตข้าวโพดของเกษตรกรไทยที่มี 4 ล้านตันต่อปี การดำเนินธุรกิจต่อไปได้ของสหฟาร์มจะช่วยไม่ให้ราคาข้าวโพดตกต่ำลง
นายวิรัตน์ กล่าวอีกว่า ในการตรวจสอบร่วมกันทั้งสหฟาร์ม และธนาคารกรุงไทย ยืนยันไม่มีการทุจริตในบริษัท สหฟาร์ม แต่เกิดจากช่วงภาวะโลกร้อนในสหรัฐฯ ทำให้มีข้าวโพดไม่เพียงพอในการเลี้ยงไก่ ทำให้ไก่ที่เลี้ยงได้มีน้ำหนักเบากว่าปกติตัวละ 1 กิโลกรัม จึงเกิดภาวะขาดทุนอย่างหนัก
ด้านนายปัญญา กล่าวถึงปัญหาการค้างค่าแรงกับพนักงานสหฟาร์มว่า ภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้จะหาเงินบางส่วนมาจ่ายให้แก่พนักงาน และหนี้สินที่มีต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ และเกษตรกรผู้ส่งข้าวโพด รวมถึงจะเร่งดำเนินการให้โรงงานเปิดดำเนินธุรกิจได้ โดยเตรียมเปิดตลาดส่งออกไปยังประเทศแถบตะวันออกกลาง ซึ่งเดิมบริษัท สหฟาร์ม มีพนักงานอยู่ประมาณ 30,000 คน เมื่อเกิดปัญหาทำให้มีพนักงานลาออกไปเกือบครึ่ง ขณะนี้มีพนักงานกลับมาทำงานกับทางสหฟาร์มประมาณ 7,000 คน และยังไม่ได้จ่ายเงินค่าจ้างให้แก่พนักงาน
ขณะที่ผู้แทนธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า แม้จะมีการอนุมัติหลักการการให้ความช่วยเหลือไปแล้ว แต่ต้องมีการเจรจาถึงกรอบวงเงินซึ่งมีการเสนอขอในหลักพันล้านบาท โดยบริษัท สหฟาร์ม จะต้องทำแผนธุรกิจมาให้ธนาคารพิจารณาในการอนุมัติวงเงิน