LPN เบรกแผนเปิดโครงการใหม่ปีนี้เหลือ 8 โครงการ จาก 13 โครงการ หลังยอดขาย 8 เดือน ทะลุเป้า 18,000 ล้านบาท คาดทั้งปี 24,000 ล้านบาท แจงเพื่อรักษาพอร์ตรายได้ และงานก่อสร้างให้สมดุล ล่าสุด เปิดเฟส 1 ลุมพินี ทาวน์ชิป คาดวันแรกยอดขายทะลุ 4,000 ยูนิต
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ บรรยากาศไม่ได้สดใสเช่นปีที่ผ่านๆ มา ทั้งยังไม่มีมาตรการจากภาคมาสนับสนุน แต่อย่างไรก็ตาม ภาวะดังกล่าวไม่ได้น่าเป็นห่วงนัก เนื่องจากสถาบันการเงินไม่ได้แสดงความกังวล โดยพิจารณาได้จากยอดปฏิเสธสินเชื่อไม่ได้เพิ่มสูงขึ้นแต่อย่างใด สะท้อนให้เห็นว่าเป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง
สำหรับแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ได้ปรับลดลงจากเป้าหมายเดิมที่วางเอาไว้ 13 โครงการ เหลือ 8 โครงการ แต่ไม่ได้มาจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แต่มาจากยอดขายที่เกินกว่าเป้าหมายที่กำหนดเอาไว้ โดยช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา มียอดขายแล้ว 18,000 ล้านบาท จากเป้าหมายยอดขายทั้งปี 20,000 ล้านบาท จากการเปิดตัวโครงการใหม่เพียง 6 โครงการ และคาดว่าจนถึงสิ้นปีจะสามารถทำยอดขายได้สูงถึง 24,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน
“เพื่อเป็นการรักษาระดับพอร์ตรายได้ และการก่อสร้างโครงการให้แล้วเสร็จตามที่กำหนดเอาไว้ บริษัทจึงเลื่อนการเปิดตัวโครงการใหม่อีก 4-5 โครงการไปเปิดในปีหน้า ซึ่งทุกโครงการมีที่ดินสำหรับพัฒนาแล้ว บางโครงการเป็นโครงการต่อเนื่องจากโครงการเก่าที่ปิดการขายไปแล้ว และมีลูกค้าจองไว้แล้วนับ 1,000 ยูนิต” นายโอภาส กล่าว
สำหรับในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 2 โครงการ ได้แก่ เดอะ ลุมพินี สุขุมวิท 24 สูงกว่า 40 ชั้น จำนวน 1 อาคาร ขนาด 26-100 ตารางเมตร ราคาประมาณ 1.5 แสนบาท/ตารางเมตร หรือ 3 ล้านบาทขึ้นไป/ยูนิต รวมประมาณ 350 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 3,000 ล้านบาท
ล่าสุด เตรียมเปิดขายโครงการ “ลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิต-คลอง 1” ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 100 ไร่ เป็นคอนโดฯ สูง 8 ชั้น จำนวน 50 อาคาร รวม 10,154 ยูนิต ราคาเริ่มต้นที่ 6.3-9.7 แสนบาท/ยูนิต มูลค่าโครงการ 7,000 ล้านบาท โดยแบ่งการพัฒนาเป็น 3 เฟสๆ แรก เป็นคอนโดฯ 14 อาคาร ขนาด 21.5-26 ตารางเมตร จำนวน 4,800 ยูนิต มูลค่า 2,800 ล้านบาท โดยเปิดการขายในวันที่ 12 ตุลาคม 2556 คาดว่าภายในวันแรกจะปิดขายได้ 4,000 ยูนิต และคาดว่าภายใน 6 เดือน จะสามารถเป็นการขายได้ทั้งโครงการ ด้านการก่อสร้างแล้วเสร็จไม่เกินปี 2558 ส่วนอาคารสำนักงานขายด้านหน้าจะปรับเป็นอพาร์ตเมนต์ให้เช่า สูง 4 ชั้น จำนวนประมาณ 40 ยูนิต
อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวพัฒนาภายใต้แนวคิดชุมชนเมือง (ทาวน์ชิป) บริษัทจึงได้เตรียมส่วนสันทนาการที่หลากหลาย และสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อรองรับความต้องการของผู้ที่อยู่อาศัยในโครงการ เช่น ร้านสะดวกซื้อเซเว่น-อีเลฟเว่น 3 จุด ศูนย์การค้าระดับชุมชนเมืองน่าอยู่ รถตู้ชุมชน ศูนย์ประชาคม ฯลฯ
ด้านนายทิฆัมพร เปร่งศรีสุข ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอล.พี.เอ็น.ฯ กล่าวว่า บริษัทต้องการพัฒนาโครงการในย่านรังสิตมานานแล้ว แต่หาที่ดินไม่ได้เนื่องจากที่ดินส่วนใหญ่เป็นสีม่วง พื้นที่โรงงานอุตสาหกรรม ทำให้ไม่สามารถสร้างโครงการคอนโดมิเนียมได้ แต่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา มีที่ดินแปลงดังกล่าวเข้ามา และเป็นที่ดินขนาดใหญ่ 100 ไร่ ราคาไร่ละ 6 ล้านบาท จึงตัดสินใจซื้อ และพัฒนาเป็นโครงการขนาดใหญ่ดังกล่าว
“ปัจจุบันย่านรังสิตมีคอนโดฯ ของผู้ประกอบการรายอื่นเปิดขายเพียง 4 โครงการ รวม 7,000 ยูนิต ราคาประมาณ 9 แสนบาท-1 ล้านบาท แต่ส่วนใหญ่อยู่ตั้งแต่คลอง 2 ขึ้นไป โดยทั้งหมดมียอดขายรวมประมาณ 70% นอกจากนี้ บริษัทยังต้องการที่จะพัฒนาลุมพินี ทาวน์ชิป ให้ครบทั้ง 4 มุมเมือง แต่โครงการขนาดนี้นอกจากที่ดินต้องมีขนาดใหญ่ ราคาไม่สูงจนเกินไปแล้ว ต้องอยู่ในทำเลที่เข้าออกได้หลายทาง และอยู่ในทำเลชุมชนเมือง ทำให้หาที่ดินมาพัฒนาได้ยาก” นายทิฆัมพรกล่าว