นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยต่อจากนี้นักลงทุนควรระมัดระวังในการลงทุนมากกว่าเดิม เนื่องจากมีความผันผวนจากตลาดหุ้นหลักสำคัญของโลก ซึ่งสะท้อนออกมาจากความวิตกกังวลต่อมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ QE ของธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งถ้าหากว่ามาตรการ QE ยังไม่ถูกยกเลิกไป ความผันผวนของตลาดหุ้นทั่วโลกก็จะยังคงอยู่
“อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ที่ตลาดหุ้นผันผวนในระดับนี้ถือว่าไม่สูงมากนัก หากเทียบกับในเดือนพฤษภาคม ที่ตลาดหุ้นแกว่งตัวอย่างรุนแรง และนักลงทุนส่วนใหญ่ก็ผ่านสถานการณ์ความความเลวร้ายนั้นมาแล้ว เพราะฉะนั้นนักลงทุนส่วนใหญ่จึงวิเคราะห์ความเสี่ยง และสามารถตั้งรับความเสี่ยงได้”
ในส่วนของความน่าลงทุนของตลาดหุ้นไทยนั้น หากพิจารณาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนแล้ว ยังถือว่ายังมีความน่าลงทุนอยู่มาก เนื่องจากประเทศไทยมีค่า P/E ที่ต่ำเพียง 16 เท่า และมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด หรือ Market Cap สูงถึง 12 ล้านล้านบาท ซึ่งแนวโน้มในอนาคตจะมีโอกาสที่เติบโตขึ้น เนื่องจากประเทศจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน หรือ AEC ในปี 2558 และจะมีกลุ่มประเทศลุ่มลำน้ำโขง หรือ GMS ประกอบด้วย ประเทศจีน ประเทศลาว ประเทศพม่า ประเทศไทย ประเทศกัมพูชา และประเทศเวียดนาม ที่จะเปิดการลงทุนในประเทศเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนทั้งไทย และต่างประเทศในการกระจายความเสี่ยงการลงทุน ซึ่งแนวโน้มของการลงทุนในกลุ่มประเทศ GMS นี้ จะมีการลงทุนที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ในระยะกลาง และระยะยาว ประเทศไทยจะได้รับอานิสงส์ในฐานะที่เป็นประเทศศูนย์กลางของอาเซียนโดยตรงอีกด้วย
