หุ้นพุ่งเฉียด 50 จุด วอลุ่มเทรด 8.2 หมื่นล้าน เม็ดเงินนอกทะลักเข้าหลังเฟดคงมาตรการ QE อีกทั้ง พ.ร.บ. 2 ล้านล้านเข้าสภาฯ ช่วยหนุนกลุ่มรับเหมา โบรกฯ ประเมินดัชนีไปต่อถึง 1,500 จุด แต่ต้องระวังความผันผวนจากแรงขายเฝ้ารอเททิ้งกำไร “จรัมพร” ชี้ช่วยปลุกไตรมาส 4 สดใส แต่ระวังเม็ดเงินออก ด้านทองคำไม่น้อยหน้าบวกเพิ่ม 550 บาท ก่อนปิดท้ายเหลือบวก 450 บาท ชี้ระยะยาวยังงเป็นขาลง เต็มที่มีโอกาสเห็น 1,480 เหรียญ/ออนซ์
ตลาดหุ้นไทย วันนี้ (19 ก.ย.) ดัชนีปรับตัวในแดนบวกต่อเนื่อง ภายหลังทราบความชัดเจนจากผลการประชุมคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่ยังคงตัดสินใจเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาผ่านทางการซื้อตราสารหนี้ หรือ การใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE3) โดยจะยังคงดำเนินโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และหลักทรัพย์ที่ได้รับการค้ำประกันจากสัญญาจำนอง (MBS) ในวงเงินรวมกัน 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ทุกเดือนต่อไป เพื่อพยุงเศรษฐกิจสหรัฐฯ ต่อไป อีกทั้งตลาดรับปัจจัยสนับสนุนจาก พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทนำเข้าสู่การพิจารณาในสภา
โดยปิดตลาดที่ระดับ 1,489.06 จุด เพิ่มขึ้น 49.93 จุด หรือ 3.47% มูลค่าการซื้อขาย 82,712.68 ล้านบาท ซึ่งระหว่างวันแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 1,494.27 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,479.25 จุด โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 5,513.91 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 3,772.79 ล้านบาท และสถาบันซื้อสุทธิ 3,058.17 ล้านบาท
ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาค ดัชนีนิกเกอิต ลาดหุ้นโตเกียว ปิดทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 สัปดาห์ โดยเพิ่มขึ้น 260.82 จุด หรือ 1.80% ปิดที่ 14,766.18 จุด ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดตลาดทะยานขึ้น 385.06 จุด หรือ 1.67% ปิดที่ 23,502.51 จุด
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ผลจากการคงมาตรการ QE3 ของเฟดส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นทั้งในประเทศไทย และภูมิภาค โดยจะทำให้การลงทุนในช่วงไตรมาสที่ 4 จะกลับมาคึกคักขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม มาตรการคิวอียังมีโอกาสที่จะถูกปรับลดลงได้ ดังนั้น นักลงทุนต้องระมัดระวังเนื่องจากในปัจจุบันสภาพคล่องในตลาดส่วนหนึ่งมาจากเงินที่ไหลเข้าจากต่างประเทศ และมีโอกาสที่จะไหลกลับหากมีการปรับลดมาตรการ QE
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นแรง ได้รับปัจจัยบวกหลักจากเฟด ไม่ถอนมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ โดยคงไว้ที่ระดับ 8.5 หมื่นล้านเหรียญ นอกจากนี้ ร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เข้าสภาผู้แทนราษฎร กระตุ้นหุ้นรับเหมาก่อสร้างคึกคัก ทำให้ทิศทางวันพรุ่งนี้ (20 ก.ย.) มีแนวโน้มไปต่อจากเม็ดเงินไหลกลับเข้ามาลงทุน จากก่อนหน้าที่ขายออกไป โดยมีแนวต้าน 1,500-1,510 จุด และแนวรับ 1,480 จุด อย่างไรก็ตาม เมื่อดัชนีที่ขึ้นไปทดสอบ 1,500 จุด ให้ระวังความผันผวน
นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการสายงานวิจัยลูกค้าบุคคล บล.บัวหลวง กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ย.) น่าจะพักฐาน และมีแรงขายทำกำไรออกมาเป็นระยะ เนื่องจากวันนี้ดัชนีปรับขึ้นแรงเกือบ 50 จุด และเมื่อดัชนีใกล้แนวต้านสำคัญที่ 1,500 จุด อาจมีแรงขายออกมาบ้าง โดยแนะนำซื้อหุ้นในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จาก พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เช่น กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง รวมถึงหุ้นในกลุ่มโบรกเกอร์ที่มองว่าน่าเก็งกำไร โดยประเมินแนวรับที่ 1,479 จุด และแนวต้านแรกที่ 1,500 จุด แนวต้านถัดไปที่ 1,520 จุด
นายณาศิส ประเสริฐกุล รองผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เคเคเทรด กล่าวว่า แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ย.) ตลาดฯ น่าจะแกว่งตัวผันผวน โดยยังต้องติดตามเรื่อง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ว่าจะผ่านการพิจารณาจากสภาฯ หรือไม่ และหากผ่านการพิจารณาจากสภาฯ ไปแล้วจะมีการยื่นตีความในศาลรัฐธรรมนูญเลยหรือไม่ พร้อมให้แนวรับ 1,475 จุด และแนวต้าน 1,500 จุด
ทองคำไม่น้อยหน้าพุ่ง 550 บาท
ด้านสมาคมค้าทองคำ ประกาศปรับราคาทองคำในประเทศวันนี้รวม 5 ครั้ง เบ็ดเสร็จราคาทองคำแท่งรับซื้อที่ 19,900 บาท ขายออก 20,000 บาท เพิ่มขึ้น 450 บาท จากวันก่อนหน้า และทองคำรูปพรรณ รับซื้อ 19,617 บาท ขายออก 20,400 บาท โดยระหว่างวันราคาทองคำปรับตัวขึ้นสูงสุด 550 บาท
นายจรณเวท ศักดิ์ศรี ผู้อำนวยการฝ่ายผู้แนะนำการลงทุน บริษัท ออสสิริส ฟิวเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า ราคาทองคำได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว หลังจากที่ราคาสามารถยืนเหนือแนวรับสำคัญที่ 1,290 และ 1,280 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แต่ราคาทองคำในประเทศยังถูกกดดันจากประเด็นเม็ดเงินนักลงทุนต่างชาติไหลเข้ามา ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่า ทำให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างจำกัด อย่างไรก็ตาม ทิศทางระยะยาวยังคงเป็นขาลง เพราะยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาสนับสนุน โดยมองราคาทองคำในช่วงที่เหลือของปีสูงสุดที่ 1,480-1,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์