โบรกคาดฯ หุ้นไทยยังแกว่งตัวในแนวบวกตลอดทั้งทั้งสัปดาห์ จากบรรยากาศการลงทุนที่ดี ส่งสัญญาณ Emerging Market เริ่มฟื้นตัว แนะนักลงทุนจับตาประชุมเฟดวันนี้ คาดไม่หักดิบ ชี้ปลายปีฤดูท่องเที่ยวหุ้นไทยอาจดีดกลับ 1,500 จุด หาก พ.ร.บ.เงินกู้ 2.2ล้านล้านบาทผ่านสภาสำเร็จ
นายกวี ชูกิจเกษม นักวิเคราะห์กลยุทธ์การลงทุน บล.กสิกรไทย กล่าวว่า การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ในวันที่ 17-18 กันยายนนี้ จับตาดูผลสรุปการปรับลดวงเงินอัดฉีดซื้อพันธบัตรจาก 8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ/เดือน ว่าจะลดลงเท่าไหร่? ซึ่งจะมีผลต่อตลาดทุนทั่วโลก หากเป็นไปตามที่ตลาดทุนต่างๆ คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ปรับลดลงมา 7.5-6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ/เดือน อาจไม่กระทบตลาดทุนไทยมากนัก เพราะเตรียมมาตรการสำรองอย่างที่คาดไว้แล้ว แต่กังวลความผันผวนจากแรงเทขายช่วงเวลาระหว่าง 15.30-16.00 น. จากกลุ่มทุนปั่นหุ้น (โบรกฯ) ที่ไม่ได้จ่ายค่าธรรมเนียมตามกฎระเบียบ และกำหนดราคาขึ้นลงตามผลตอบแทนที่คาดหวังว่าจะได้ โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายของนักลงทุนรายย่อย ซึ่งขณะนี้ทาง ตลท.อยู่ในขั้นตอนการวิจัย และได้เตรียมมาตรการเพื่อเอาผิดต่อกลุ่มคนดังกล่าวแล้ว
“ตลาดยังมีแรงดึงดูดเชิงบวกในบรรยากาศการลงทุนกรณีประเด็นที่ นายลอว์เรนซ์ ซัมเมอร์ ประกาศถอนตัวจากการถูกเสนอชื่อเข้าชิงประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ทำให้ช่วงสั้นตลาดหุ้นโลกโดยเฉพาะตลาดเศรษฐกิจเกิดใหม่ หรือ Emerging Market มีโอกาสปรับตัวดีขึ้นต่อ แต่อย่างไรก็ตาม การดีดตัวขึ้นอย่างรุนแรงของ SET Index และตลาดภูมิภาคในช่วงที่ผ่านมา อาจจะเผชิญความผันผวน หรือแกว่งถอยลงได้บ้าง แต่ยังมองว่าตลาดหุ้นไทยมีโอกาสแกว่งตัวในแนวบวกขึ้นต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อยตลอดสัปดาห์นี้”
อย่างไรก็ดี ประเด็นหลักที่น่าจับตามองคือ ปัจจัยในประเทศได้แก่ พ.ร.บ.เงินกู้โครงสร้างพื้นฐาน 2.2 ล้านล้าน ที่จะเข้าสภาในวาระ 3 ว่า จะผ่านมติหรือไม่ ซึ่งจะส่งผลโดยรวมต่อบรรยากาศการลงทุนของไทยโดยตรง ซึ่งถ้าหาก พ.ร.บ.ฉบับนี้ไม่ผ่าน จะส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุนในหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ระยะยาวหลายปี และเม็ดเงินลงทุนต่างชาติที่คาดว่าจะไหลเข้ามา อาจจะไหลออกไปลงทุนยังต่างประเทศกลุ่มเศรษฐกิจเกิดใหม่ เช่น พม่า เวียดนาม กัมพูชา ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยเสียโอกาสที่ควรจะได้ และอาจจะกระทบไปถึงความล่าช้าของกองทุนโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ที่จะตั้งใหม่ อาจต้องเลื่อนออกไป หรือไม่มีโอกาสได้ตั้งเลยก็ได้
ขณะที่ตลาดหุ้นไทยอาจโดนแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง เนื่องจากขึ้นมามากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่แนะนำนักลงทุนควรถือหุ้นต่อ โดยดัชนี SET INDEX มีโอกาสขึ้นไปทดสอบ 1,450 จุด และ 1,462 จุดหรือใกล้ๆ 1,500 จุดแต่ก็ยังให้ใช้ 1,380 จุด เป็นจุดตัดขาดทุน
ทั้งนี้ เริ่มเข้าสู่ high season ของการท่องเที่ยวในไตรมาสที่ 4 แนะนำนักลงทุนในหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว และบริการ เช่น ERW ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าปรับราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 5.20 บาท (จาก 5 บาท) หากวันนี้ปรับตัวจาก 4.64 บาทขึ้นมาได้ แนวต้านถัดไปคือ 4.90 บาท หรือสูงกว่า 5 บาท แนวรับ 4.52 บาท ให้ใช้ 4.12 เป็นจุดตัดขาดทุน