หุ้นภาคบ่ายพุ่งแรงกว่า 44 จุด หรือกว่า 3% ดัชนียืนเหนือระดับ 1,440 จุด ไร้วี่แววแก๊ง 4 โมงเย็น คาดนักลงทุนกลับเข้าตลาดฯ คลายกังวล “คิวอี” และมีแรงเก็งกำไร พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้าน ที่จะเข้าสภาฯ สัปดาห์นี้
ภาวะตลาดหุ้นภาคบ่าย วันนี้ (16 ก.ย.) ดัชนียังคงยืนในแดนบวกได้อย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 16.34 น. ดัชนีอยู่ที่ระดับ 1,440.92 จุด เพิ่มขึ้น 39.84 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +2.84% มูลค่าการซื้อขาย 50,584.37 ล้านบาท โดยแตะจุดสุงสุดที่ระดับ 1,442.41 จุด
ต่อมา เมื่อเวลา 16.44 น. ดัชนีปรับขึ้นไปที่ระดับ 1,445.11 จุด เพิ่มขึ้น 44.03 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +3.14% มูลค่าการซื้อขาย 55,071.10 ล้านบาท โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่า วันนี้ไม่มีแรงขายหนักสวนออกมาช่วงท้ายตลาดเหมือนช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งทำให้มีกระแสข่าวเรื่องแก๊ง 4 โมงเย็น เข้ามาทำราคาหุ้น
ทั้งนี้ พบว่ามีแรงซื้อเข้ามามากทั้งในหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ นักลงทุนคลายกังวลมาตรการกระตุ้นเศราฐกิจของสหรัฐฯ (คิวอี) และมองว่าตลาดหุ้นยังให้ผลตอบแทนที่ดี ทำให้มีแรงซื้อกลับเข้ามาในตลาดหุ้น นอกจากนี้ ยังมีแรงหนุนจากการเก็งกำไรการเสนอร่าง พ.ร.บ.2 ล้านล้านบาท เข้าสู่การประชุมสภาผู้แทนราษฎรในสัปดาห์นี้
ล่าสุด ดัชนีปิดตลาดที่ระดับ 1,445.11 จุด เพิ่มขึ้น 44.03 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +3.14% มูลค่าการซื้อขายสุงถึง 55,206.03 ล้านบาท สำหรับสัดส่วนการลงทุนวันนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อ 3 พันล้าน รายย่อยขาย 8.7 พันล้าน สถาบันซื้อ 4.1 พันล้าน และบัญชีโบรกเกอร์ซื้อ 1.5 พันล้าน
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีรธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส ยอมรับว่า ดัชนีหุ้นไทยวันนี้พุ่งขึ้นร้อนแรงมาก และถือว่ามากที่สุดในภูมิภาค สำหรับปัจจัยหนุนในวันนี้ มองว่ามี 2 ประเด็นหลักๆ คือ การคาดหวังว่าเฟดจะไม่มีการประกาศลดคิวอี หรือถ้าลดจะลดในวงเงินที่น้อยกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ หลังจากที่นายลอเรนต์ ซัมเมอร์ ประกาศถอนตัวจากการสมัครประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า ไม่สนับสนุนมาตรการคิวอี
ขณะที่ตัวเต็งที่เหลือเป็นบุคคลที่สนับสนุนการกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งผลของการถอนตัวทำให้ดาวโจนส์ล่วงหน้าพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง รวมถึงหุ้นไทยด้วย ขณะที่ปัจจัยในประเทศก็คือ การที่หวังว่าสภาฯ จะนำร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2.2 ล้านล้าน เข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ จึงเป็นแรงหนุนให้ดัชนีตลาดพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง
“ต้องถือว่าผิดคาด และหุ้นแรงเกินปัจจัยพื้นฐานเพราะจะเห็นว่าตัวเลขจีดีพีของประเทศถูกลดลงขณะที่อัตรากำไรสุทธิก็มีการปรับลดลง การส่งออกก็ไม่โต ซึ่งหุ้นขึ้นจากความหวังเรื่อง QE และ พ.ร.บ.เงินกู้ ซึ่งยังต้องใช้เวลานานกว่าเม็ดเงินจะออกสู่ตลาด ดังนั้น จึงแนะนให้เทรดดิ้งเท่านั้นไม่แนะนำให้เข้าสะสมหุ้นเพื่อลงทุนระยาว”
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่
1.TRUE ปิดที่ 8.30 บาท เพิ่มขึ้น 1.05 บาท มูลค่าการซื้อขาย 4,538.86 ล้านบาท
2.KBANK ปิดที่ 190.00 บาท เพิ่มขึ้น 10.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 3,070.37 ล้านบาท
3.SCB ปิดที่ 167.00 บาท เพิ่มขึ้น 10.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,782.00 ล้านบาท
4.CK ปิดที่ 23.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.90 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,375.54 ล้านบาท
5.KTB ปิดที่ 21.20 บาท เพิ่มขึ้น 1.30 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,147.30 ล้านบาท