ผู้บริหาร “ซีพีเอฟ” ยืนยันไม่มีแผนเข้าซื้อกิจการ “สหฟาร์ม” ตามที่มีข่าว ย้ำการลงทุนจะพิจารณาปัจจัยในหลายด้านเพื่อให้แน่ใจว่าสามารถสนับสนุนธุรกิจหลักได้เป็นอย่างดี ย้ำไม่ปิดโอกาสลงทุนต่อยอดธุรกิจเพิ่ม
ตามที่มีข่าวว่า บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ จะเข้าซื้อธุรกิจของบริษัท สหฟาร์ม จำกัด นั้น นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหารซีพีเอฟ กล่าวว่า บริษัทฯ ขอยืนยันยังไม่มีแผนเข้าซื้อกิจการของสหฟาร์มแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ซีพีเอฟ ยังมองหาโอกาสการลงทุนเพื่อต่อยอดธุรกิจมาโดยตลอด แต่จะพิจารณาปัจจัยการลงทุนหลายด้าน เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถสนับสนุนธุรกิจหลักได้เป็นอย่างดี
ก่อนหน้านี้ มีกระแสข่าวสะพัดว่า ธนาคารกรุงไทย ซึ่งเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของกลุ่มบริษัท สหฟาร์ม จำกัด ต่างพยายามหาทางออกในการแก้ไขปัญหาภาระหนี้สิน และการขาดสภาพคล่องทางทางเงินของบริษัทสหฟาร์ม แนวทางหนึ่งที่ดำเนินการคือ ช่วยเจรจาหาบริษัทผู้ประกอบการรายใหม่ทั้งภายใน และต่างประเทศที่อยู่ในวงการส่งออกไก่เข้ามาช่วยฟื้นฟูกิจการของบริษัท
ล่าสุด ได้มีการเจรจาทาบทามซีพีเอฟ ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ให้เข้าซื้อกิจการ ซึ่งทางซีพีเอฟ แสดงความสนใจ แต่ยังต้องพิจารณาในเรื่องรายละเอียดอีกมาก เนื่องจากมูลหนี้กว่า 30,000 ล้านบาท ของสหฟาร์ม ถูกผูกโยงกับบริษัทในเครือเกือบ 50 บริษัท ซึ่งแต่ละบริษัทมีเจ้าหนี้สถาบันการเงิน และซัปพลายเออร์มากมาย ที่สำคัญแต่ละบริษัทบริหารงานโดยเครือญาติ
ขณะเดียวกัน จากการที่ธนาคารเจ้าหนี้เข้าตรวจสอบพบว่า บัญชีรายรับรายจ่ายหลายบริษัทมีการเบิกจ่ายเงินระหว่างกันโดยไม่มีการออกใบเสร็จ จึงเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการพิจารณา ดังนั้น แม้เจ้าหนี้ต้องการให้ซีพีเอฟเข้าซื้อกิจการสหฟาร์ม และขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา และพิจารณาเงื่อนไข และความเป็นไปได้หลายๆ ด้าน บทสรุปสุดท้ายซีพีเอฟจะตกลงใจซื้อบริษัทสหฟาร์ม และบริษัทในเครือที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงไก่หรือไม่ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ชัดเจน
แหล่งข่าวกล่าวว่า ซีพีเอฟ ถือเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการปศุสัตว์ มีศักยภาพสูงไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทย แต่เป็นบริษัทระดับโลก แต่ทางธนาคารเจ้าหนี้ไม่รู้ว่าหลังจากพิจารณารายละเอียดทุกอย่างแล้ว จะตัดสินใจซื้อกิจการในลักษณะไหน อย่างไรก็ตาม คงต้องใช้เวลานานพอสมควร ไม่น่าจะจบภายใน 1-2 เดือน ที่สำคัญคือ เรื่องราคาขาย ทั้งนี้ การเข้าฟื้นฟูกิจการ ถ้าได้ซีพีเอฟเข้ามาก็น่าจะเข้าใจปัญหาได้ดีกว่าบริษัทต่างชาติรายอื่น