หุ้นเด้งปิดบวก 29 จุด นักวิเคราะห์มองตลาดได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว นักลงทุนเริ่มกลับเข้าตลาด ชี้หุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีหลายตัวราคาได้ปรับตัวลงมาอยู่ในราคาที่ต่ำกว่าราคาพื้นฐาน โดยบางตัวต่ำมากถึง 40-50% จากราคาพื้นฐาน ทำให้เป็นแรงจูงใจให้นักลงทุนหันกลับมาเลือกซื้อลงทุนมากขึ้น
นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวถึงภาวะตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่ายนี้ ซึ่งดัชนีปรับตัวขึ้นมากว่า 20 จุด โดยมองว่าเป็นการเคลื่อนไหวคล้ายคลึงกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวก หลังตัวเลข PMI ของจีนมีการพลิกฟื้นขึ้นมาดี ยกเว้นตลาดอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ที่อยู่ในแดนลบ แม้แต่ตลาดในยุโรปในช่วงบ่ายนี้ก็อยู่ในแดนบวกเฉลี่ยราว 1%
นายปริญทร์ มองว่าตลาดหุ้นได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว เพียงแต่ว่าการพลิกฟื้นจะออกมาในรูปแบบไหนขึ้นอยู่กับปัจจัยจากนี้ไป โดยหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีหลายตัวราคาได้ปรับตัวลงมาอยู่ในราคาที่ต่ำกว่าราคาพื้นฐาน โดยบางตัวต่ำมากถึง 40-50% จากราคาพื้นฐาน ทำให้เป็นแรงจูงใจให้นักลงทุนหันกลับมาเลือกซื้อลงทุนมากขึ้น
นอกจากนี้ ช่วงสั้นมากๆ ตนเองมองว่า นักลงทุนได้รับรู้ปัจจัยลบทั้งใน และต่างประเทศไปมากแล้ว เพียงแต่ถ้ามีความชัดเจนขึ้นนักลงทุนก็สามารถพลิกมาซื้อได้ทันที พร้อมให้แนวรับ 1,300 จุด แนวต้าน 1,320 จุด โดยวันนี้มองว่าตลาดน่าจะยืนเหนือระดับ 1,300 จุดได้
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส ยอมรับว่า ดัชนีที่ปรับพิ่มขึ้นแรงในช่วงบ่ายวันนี้ค่อนข้างผิดคาด เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามา นอกจากการประกาศตัวเลข PMI ภาคการผลิตเดือน ส.ค.ของจีนที่กลับมาเกิน 51 อีกครั้ง และส่งผลให้ตลาดหุ้นจีน และญี่ปุ่นปรับขึ้นแรงเช่นเดียวกัน
“ประเด็นในประเทศยังไม่มีอะไรเป็นปัจจัยบวก ดังนั้น การดีดกลับในวันนี้คงจะเป็นระยะสั้นเท่านั้น เพราะฉะนั้นคาดว่าในระยะสั้นนี้ตลาดหุ้นไทยยังคงเคลื่อนไหวผันผวนระหว่าง 1,300-1,330 จุด ในวันพรุ่งนี้”
สำหรับภาพรวมตลาดหุ้นช่วงบ่าย ดัชนีเดินหน้าปรับบวกได้แข็งแกร่งขึ้น โดยเมื่อเวลา 16.01 น. ดัชนีปรับขึ้นไปที่ระดับ 1,315.05 จุด เพิ่มขึ้น 20.75 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +1.60% มูลค่าการซื้อขาย 26,007.31 ล้านบาท ต่อมา เมื่อเวลา 16.14 น. ดัชนีปรับไปที่ระดับ 1,318.12 จุด เพิ่มขึ้น 23.82 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +1.84% มูลค่าการซื้อขาย 27,900.92 ล้านบาท
ล่าสุด ดัชนีปิดตลาดที่ระดับ 1,323.70 จุด เพิ่มขึ้น 29.40 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +2.27% มูลค่าการซื้อขาย 34,212.42 ล้านบาท ด้านสัดส่วนการลงทุน นักลงทุนสถาบัน ซื้อสุทธิ 797.74 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 935.69 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 1,409.89 ล้านบาท นักลงทุนภายในประเทศ ขายสุทธิ 323.54 ล้านบาท.
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขาย 5 อันดับแรก ได้แก่
INTUCH มูลค่า 1,804.71 ล้านบาท ปิดที่ 79.25 บาท +3.25 บาท หรือ +4.28%
TRUE มูลค่า 1,721.53 ล้านบาท ปิดที่ 7.10 บาท +0.60 บาท หรือ +9.23%
ADVANC มูลค่า 1,605.09 ล้านบาท ปิดที่ 249.00 บาท +9.00 บาท หรือ +3.75%
KTB มูลค่า 1,567.02 ล้านบาท ปิดที่ 17.00 บาท +0.50 บาท หรือ +3.03%
KBANK มูลค่า 1,401.73 ล้านบาท ปิดที่ 163.00 บาท +4.00 บาท หรือ +2.52%