หุ้นเช้าปรับลงตามทิศทางตลาดหุ้นเอเชีย คาดนักลงทุนกลับมากังวล “คิวอี”

หุ้นเปิดลบ 11 จุด ปรับลดลงตามทิศทางตลาดหุ้นเอเชีย และดาวโจนส์ โบรกฯ ยอมรับนักลงทุนกลับมากังวลปัญหา QE ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังไร้ปัจจัยใหม่ทั้งเชิงบวกและลบ มองกรอบ 1,435-1,460 จุด

ภาวะตลาดหุ้นไทย วันนี้ (16 ส.ค.) ดัชนีเปิดตลาดนแดนลบทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นย่านเอเชีย โดยเมื่อเวลา 09.57 น. ดัชนีอยู่ที่ระดับ 1,441.65 จุด ลดลง 11.42 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.79% มูลค่าการซื้อขาย 1,248.95 ล้านบาท

นายณาศิส ประเสริฐกุล รองผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เกียรตินาคิน ยอมรับว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้อาจปรับตัวลงตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่ปรับตัวลง จากแรงกดดันว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะหยิบยกเรื่องการลดขนาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (QE) ขึ้นมาในการประชุมเดือนกันยายน หลังจากตัวเลขอัตราการว่างงานของสหรัฐฯ ออกมาลดลง และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลายตัวมีแนวโน้มที่ดีขึ้น

ทั้งนี้ ปัจจัยดังกล่าวทำให้กดดันตลาด ซึ่งดัชนีดาวโจนส์เมื่อคืนนี้ได้ปรับลดลง จึงส่งผลต่อการปรับตัวลงของดัชนีตลาดหุ้นเอเชียในช่วงเช้า ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังไร้ปัจจัยใหม่ทั้งเชิงบวกและลบ พร้อมประเมินแนวรับแรกที่ 1,440 จุด แนวรับถัดไปที่ 1,435 จุด และประเมินแนวต้านที่ 1,460 จุด

ด้านนักวิเคราะห์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) เชื่อว่าตลาดจะปรับลดลงต่อเนื่อง โดยมีความกังวลเพิ่มขึ้นว่าสหรัฐฯ จะชะลอ QE ในเดือน ก.ย. หลังยอดขอรับสวัสดิการว่างงานลดลงต่ำสุดรอบเกือบ 6 ปี สะท้อนภาคแรงงานฟื้นตัว และฤดูรายงานงบไตรมาส 2 ปี 2556 ที่สิ้นสุดลง อย่างไรก็ตาม การประชุมสภาพิจารณาร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ในวันที่ 20-21 สิงหาคมนี้ คาดว่าจะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้น

ส่วนนักวิเคราะ บล.ธนชาต ระบุว่า ตลาดจะถูกกดดันด้วยแนวรับ 1,445 จุด จากปัจจัยภายในประเทศ หลังจากโรงแยกก๊าซ 5 ของ PTT ถูกฟ้าผ่า ในวันที่ 14 ส.ค. ที่ผ่านมา และจำเป็นต้องใช้เวลาซ่อมแซมประมาณ 3-5 เดือน และจะมีผลกระทบต่อเนื่องไปยัง PTTGC ที่เป็นผู้รับก๊าซจากโรงแยกก๊าซ 5 เป็นวัตถุดิบ

ส่วนปัจจัยภายนอก หลังจากตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ น้อยกว่าที่คาด ส่งผลให้ความกังวลต่อการลดวงเงิน QE เพิ่มขึ้น และ Bond Yield 10 ปี ปรับสูงขึ้น ทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 3 เดือนที่ 2.77%