“โทรีเซนไทยฯ” ไตรมาส 3 ปีนี้ขาดทุน 273 ล้านบาท ลดลงจากเดิมที่ขาดทุน 2,351 ล้านบาท เหตุสำรองมูลค่าถ่านหินลดลง เน้นให้ความสำคัญ UMS หลังกลับมาพัฒนาการกระบวนการอัดแท่งถ่านหิน และหาทางส่งออกขายต่างประเทศปรับปรุงกำไรระยะยาว
ม.ล.จันทรจุฑา จันทรทัต กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA แจ้งผลงานไตรมาส 3 ปีนี้ว่า บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 273.29 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 2,351 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการบันทึกรายการพิเศษ 2 รายการคือ การตั้งสำรองเผื่อมูลค่าถ่านหินที่ลดลงของในคลังสินค้าของ UMS 230 ล้านบาท เนื่องจากราคาถ่านหินมีการปรับตัวลดลง และการตั้งสำรองเผื่อการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 192 ล้านบาท เนื่องจากค่าเงินบาทอ่อนตัวเมื่อเทียบกับเงินเหรียญสหรัฐ ซึ่งถ้าหากตัดสองรายการพิเศษนี้ออกแล้ว TTA น่าจะมีผลกำไรสุทธิประมาณ 27 ล้านบาทในไตรมาสนี้
โดยงวดนี้ TTA มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ในไตรมาสนี้ที่ 663 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบหกเท่าเมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว โดยส่วนใหญ่เป็นผลงานจาก บริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) หรือเมอร์เมด ซึ่งทำธุรกิจให้บริการนอกชายฝั่งแก่บริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และบริษัท บาคองโค จำกัด ซึ่งทำธุรกิจผลิตปุ๋ยและให้เช่าคลังสินค้า TTA ได้รับส่วนแบ่งผลกำไร (Equity Income) ในไตรมาสนี้ 60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 74% จากไตรมาส 3/2555 ที่ 34 ล้านบาท โดยจำนวนที่สูงขึ้นส่วนใหญ่มาจากผลงานของบริษัท เอเชีย ออฟชอร์ ดริลลิ่ง จำกัด หรือ AOD ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของเมอร์เมด เพิ่มเติมเข้ามานอกเหนือจากส่วนแบ่งกำไรจาก ปิโตรลิฟต์ และบาเรียเซเรส
ขณะ บมจ.ยูนิคไมนิ่ง หรือ UMS มีรายได้ 417 ล้านบาท ลดลง 59% จากปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงที่ UMS เร่งระบายสต๊อกถ่านหินขนาด 0-5 มม. เพื่อปฏิบัติตามหนึ่งในเงื่อนไขสำคัญของการเปิดโรงงานที่สมุทรสาครอีกครั้ง เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา UMS มีรายได้เพิ่มขึ้น 2% ส่วนยอดขายเพิ่มขึ้น 9% ขณะที่ EBITDA ลดลงเหลือ 5 ล้านบาทจาก 18 ล้านบาท เนื่องมาจากต้นทุนค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นจากเหตุการณ์ปิดโรงงานที่สมุทรสาคร
ทั้งนี้ ผลประกอบการของ TTA ส่วนใหญ่มาจากผลงานของโทรีเซนชิปปิ้ง และเมอร์เมด ซึ่งยืนกันอยู่คนละด้านของวัฏจักรในวันนี้ ถึงแม้ว่านี่จะเป็นสถานการณ์ที่เราได้เคยคาดการณ์ไว้ในตอนที่เรากระจายความเสี่ยงในการลงทุน แต่ผลการลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ก็ยังไม่ได้ส่งผลอย่างเต็มที่อย่างที่ควรเพื่อชดเชยกับสถานการณ์ช่วงตกต่ำของอุตสาหกรรมที่อาจจะลากยาวต่อไปที่อาจจะเกิดกับหนึ่งในสองธุรกิจหลัก
“ถึงแม้ว่าจะต้องเผชิญกับความท้าทายหลายอย่าง เรายังคงคาดหวังให้โทรีเซนชิปปิ้ง มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นบวก ประกอบกับอุปทานในตลาดเริ่มที่จะปรับตัวดีขึ้นในช่วงปีหน้า เรามั่นใจว่า ทั้งโทรีเซน ชิปปิ้ง และ TTA จะยังคงสร้างผลกำไรที่สม่ำเสมอกลับมาอีกครั้งในระยะเวลาอันใกล้ แนวโน้มสำหรับเมอร์เมดยังคงแข็งแกร่ง คาดยังคงเป็นเช่นนี้ไปอีกอย่างน้อยในช่วงระยะกลาง และบาคองโค ยังคงเป็นหน่วยธุรกิจที่สร้างผลกำไรให้แก่ TTA อย่างสม่ำเสมอ และเมื่อมองดูแนวโน้มในไตรมาสที่ 4 และไตรมาสถัดๆ ไป เราจะให้ความสำคัญกับ UMS มากที่สุด โดยจะทำให้โรงงานที่สมุทรสาครกลับมาดำเนินการได้อย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง พัฒนาการกระบวนการอัดแท่งถ่านหินขนาด 0-5 มม. และหาหนทางในการส่งถ่านหินออกไปขายยังตลาดต่างประเทศ เพื่อปรับปรุงผลกำไรในระยะยาว”