โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ คาดธุรกิจชิปปิ้งน่าจะปรับตัวดีขึ้นจากการที่ดัชนี BDI ปรับลดลงแล้วกว่า16% หลังเตรียมรับมอบเรือขนาดใหญ่ลำใหม่เพิ่ม 2 ลำ และเรือมือสองอีก 6-8ลำ รวมกองเรือในบริษัทฯกว่า 30 ลำ เผยเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและความต้องการใช้เรือเทกองที่เพิ่มมากขึ้น
นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบัญชีและการเงิน บมจ. โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ หรือ TTA กล่าวว่าผลประกอบการไตรมาสที่ผ่านมาที่ยังมีผลขาดทุนสะสมกว่า257ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นผลมาจาก อัตราค่าระวางเรือที่ยังคงปรับลดลงอย่างต่อเนื่องในธุรกิจเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองของโทรีเซนชิปปิ้ง และสินทรัพย์หลักๆ ของเมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด มหาชน หรือ เมอร์เมด ไม่ได้ทำงานตามปกติ
รายได้รวมในไตรมาส 2 ระหว่างช่วงเดือนมกราคม ถึง มีนาคม 2556 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 4% มาอยู่ที่ 3,657 ล้านบาท แต่ลดลง 13% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่แล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากเรือ 4 ลำของเมอร์เมดต้องเข้าอู่เพื่อตรวจสภาพและซ่อมบำรุงในช่วงไตรมาสนี้
อย่างไรก็ตามคาดว่าตั้งแต่ไตรมาสที่ 3ในช่วงเมษายน-มิถุนายน บริษัทจะมีผลประกอบการที่ดีขึ้น ธุรกิจชิปปิ้งน่าจะปรับตัวดีขึ้นจากการที่ดัชนี BDI ปรับลดลงแล้วกว่า16% นอกจากนี้ไตรมาส2 ยังเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของธุรกิจอยู่แล้ว ทั้งนี้เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและความต้องการใช้เรือเทกองที่เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับอุปทานเรือใหม่ที่มีออกมาลดลงทำให้คาดว่าดัชนี BDI จะค่อยๆปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งคาดว่าในปีหน้าอาจได้เห็นดัชนี BDI ในระดับที่เกิน1,000จุด โดยบริษัทยังมองหาเรือมือสองเพิ่มเติมอีก 6-8ลำในปีนี้โดยใช้เงินจากการเพิ่มทุนในช่วงที่ผ่านมา โดยเตรียมรับมอบเรืออีก 2 ลำจากประเทศญี่ปุ่นในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งจะทำให้ TTA มีเรือของตนเองกว่า 18 ลำและมีเรือที่เช่าใช้บริหารรวมเกินกว่า 30 ลำ
ในส่วนกลุ่มธุรกิจพลังงาน ภาคธุรกิจการบริการนอกชายฝั่งกำลังได้รับงานเพิ่มขึ้นจากอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ โดยในไตรมาสที่ 3 นี้เมอร์เมดจะมีผลประกอบการที่พลิกกับเป็นกำไร เนื่องจากเรือทุกลำจะกลับไปปฏิบัติงานได้ตามปกติ หลังจากมีบางส่วนเข้ารับการซ่อมบำรุงและติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้กองเรือวิศวกรรมใต้ทะเลกำลังทำงานสลับไปมาในหลายน่านน้ำเพื่อให้ได้อัตราค่าจ้างรายวันที่ดีขึ้น โดยเมอร์เมดได้นำเสนอบริการเสริมเพิ่มเติม เพื่อให้ได้สัญญาระยะยาวเพิ่มมากขึ้น โดยเรือ MTR-1 ยังคงรับงานเป็นเรือที่พัก ส่วนเรือ MTR-2 ได้งานที่มีอัตราค่าจ้างรายวันประมาณ 95,000 เหรียญสหรัฐ/วัน
นอกจากนี้กลุ่มธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน ประกอบด้วยธุรกิจหลักคือบาคองโคและ UMS โดยบาคองโคยังสร้างผลกำไรและกระแสเงินสดให้บริษัทได้อย่างต่อเนื่องหลังจากในไตรมาสที่มามีกำไรเติบโตกว่า 31% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ UMS มีทิศทางที่ดีขึ้นเช่นกันหลังจากจังหวัดสมุทรสาครก็ได้มีคำสั่งยกเลิกการปิดโรงงานถ่านหินของ UMS เป็นที่เรียบร้อย