หุ้นปิดครึ่งวันเช้าปรับลง 4.42 จุด ดัชนีแกว่งผันผวน โดยมีแรงซื้อสลับแรงขายทำกำไร ลุ้นภาคบ่ายรีบาวนด์รับข่าวความชัดเจนในโครงการการลงทุนขนาดใหญ่ครึ่งปีหลัง แนะจับตาแรงขายต่างชาติต่อเนื่อง โบรกฯ เผยยอดขายสุทธิตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน สูงเกือบ 90,000 ล้านบาท
ภาวะตลาดหุ้นไทย วันนี้ (14 ส.ค.) ดัชนีปิดครึ่งวันเช้าที่ระดับ 1,454.66 จุด ลดลง 4.42 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.30% มูลค่าการซื้อขาย 19,622.84 ล้านบาท โดยมีแรงซื้อเก็งกำไรในระยะสั้น และแรงขายทำกำไรหุ้นพลังงานบางตัวถ่วงดัชนี คาดแนวโน้มในภาคบ่ายอาจมีการรีบาวนด์ปรับขึ้นในแดนบวกได้ หากมีข่าวความชัดเจนในโครงการการลงทุนขนาดใหญ่ครึ่งปีหลัง
อย่างไรก็ตาม แนะนำติดตามการไหลของเงินทุน ซึ่งต่างชาติยังขายสุทธิต่อเนื่องเป็นไปในทิศทางเดียวกับภูมิภาค โดยล่าสุด เมื่อวานนี้ต่างชาติขายสุทธิ 528 ล้านบาท ทำให้ยอดขายสุทธิตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน สูงเกือบ 90,000 ล้านบาท
ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ ต้องจับตาปัจจัยบวกใหม่จากข้อมูลเศรษฐกิจจีนระยะหลังสะท้อนว่าการตกถึงจุดต่ำสุดของจีนเริ่มชะลอตัวลง และเริ่มมีเสถียรภาพ ล่าสุด ประกาศตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 9.5 เมื่อเทียบกับปีก่อน สูงสุดตั้งแต่ต้นปี ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น คาดว่าจะส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน แต่อาจส่งผลกระทบต่อถ่านหิน
ด้านนักวิเคราะห์ บล.ธนชาต ระบุว่า แรงขายหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และพลังงาน เป็นปัจจัยกดดันดัชนีหุ้นไทยเมื่อเช้านี้ หลังจากปรับสูงขึ้นแรงเมื่อวานนี้ (13 ส.ค.) ซึ่งการ “สร้างฐาน” ระยะสั้นไม่ได้ทำให้แนวโน้มการปรับสูงขึ้นระยะสัปดาห์ไปที่ 1,480-1,500 จุด เปลี่ยนไป โดยหุ้นกลุ่มธนาคาร และอสังหาริมทรัพย์ ยังเป็นกลุ่มหุ้นที่มีแนวโน้มแข็งแกร่งกว่าตลาดต่อเนื่อง ด้วยปัจจัยสนับสนุนทางบรรยากาศการลงทุนจากการพิจารณางบประมาณรายจ่ายปี 2014 ของสภาผู้แทนราษฎร
โดยยังแนะนำ “ซื้อ” หุ้นกลุ่มหลักอย่างบริษัท ชิน คอร์ปอเรชัน (INTUCH) บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซส คอมมูนิเคชัน (DTAC) บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) บริษัท การท่าอากาศยานไทย (AOT) บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ (BGH) บริษัท บีทีเอสกรุ๊ป โฮลดิ้ง (BTS) ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ธนาคารกรุงไทย (KTB) ธนาคารทหารไทย (TMB) และบริษัทจีเอฟพีที (GFPT) ต่อไป