“คลัง” เชื่อมาตรการกระตุ้น ศก.ใน 4 ด้าน ช่วยดัน “จีดีพี” ปี 56 เติบโตเพิ่มได้ 1% จริง ฝากวอนนักวิชาการเลิกวิจารณ์ และเอาไปโยงเป็นมาตรการเก่า ขณะที่ ธ.ก.ส. เร่งระดมเงินฝากแสนล้าน เพื่อรับมือจำนำข้าว พร้อมมอง ดบ.นโยบายทรงตัวที่ 2.5%
นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวนการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ไม่เห็นด้วยกับกรณีที่นักวิชาการออกมาวิจารณ์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 4 ด้าน ที่รัฐบาลเร่งผลักดันออกมาก่อนหน้านี้ ที่บอกว่าเป็นเรื่องเก่า ไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้จริงตามที่ได้คาดการณ์ไว้
“ยอมรับว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาไม่มีการทุ่มเงินจำนวนมาก หรือการลดอัตราภาษีเยอะๆ เหมือนที่ได้ดำเนินการมาในช่วงก่อนหน้านี้ แต่เชื่อว่าจะทำให้เศรษฐกิจปีนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ถึง 1% ต่อปีจากคาดการณ์”
ทั้งนี้ สศค.อยู่ระหว่างการประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจใหม่ในปีนี้ ซึ่งเดิมคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวได้ 4.0-4.5% แต่เมื่อมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา เชื่อว่าจะช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มได้เป็น 5.0-5.5% ต่อปีได้อย่างแน่นอน
นายสมชัย ยืนยันว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ ถือเป็นมาตรการต่อยอดการเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชน ขจัดอุปสรรคที่มีผลต่อการดำเนินธุรกิจในอดีตที่ผ่านมา ทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการสนับสนุนการลงทุนด้านอุตสาหกรรมรถยนต์อีโคคาร์ ซึ่งเรื่องดังกล่าวถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยที่รัฐบาลไม่ต้องดึงเงินงบประมาณออกมาใช้ดำเนินการเลย
นายสมศักดิ์ กังธีระวัฒน์ ผู้ช่วยผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ธ.ก.ส.มีสภาพคล่องเพื่อใช้ในการดำเนินงานทั้งการปล่อยสินเชื่อปกติ และการดำเนินโครงการจำนำข้าวกว่าแสนล้านบาท โดยปีนี้ ธนาคารมีแผนระดมเงินฝากปีนี้เพิ่มอีก 8.2 หมื่นล้านบาท ล่าสุด ระดมเข้ามาแล้ว 1.8 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ ในเดือน ก.ย. นี้มีแผนจะระดมเข้ามาอีก 2 หมื่นล้านบาท ผ่านเงินฝากเกษียณเปี่ยมสุข และเดือนธันวาคมอีก 3 หมื่นล้านบาท ทดแทนเงินฝากที่ครบอายุ ระหว่างนี้ก็ยังมีเงินฝากเพิ่มเข้ามาต่อเนื่องจากเงินฝากดอกเบี้ยทันใจที่เข้ามาแล้ว 1.6 หมื่นล้านบาท
“แม้ว่าสถาบันการเงินจะมีการออกผลิตภัณฑ์เงินฝากให้ดอกเบี้ยสูงมาแข่งขันกันอย่างมาก แต่ยังไม่พบว่าลูกค้าเงินฝากของ ธ.ก.ส.มีการย้ายเงินฝากออกไปสถาบันการเงินอื่นๆ มีแต่จะเพิ่มเข้ามามากขึ้น โดยเฉพาะเงินฝากออมทรัพย์ทวีโชคที่มีลูกค้ากว่า 6 ล้านบัญชี หรือเม็ดเงินกวา 1.2 แสนล้านบาท”
นายสมศักดิ์ มองว่า อัตราดอกเบี้ยคงยังไม่ลดลงในระยะสั้นๆ นี้ และแบงก์ยังคงแข่งขันกันระดมเงินฝากต่อเพื่อสำรองสภาพคล่องไว้ปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้ารายย่อย และโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ ธ.ก.ส.ก็จะเป็นต้องมีผลิตเงินฝากออกมารักษาฐานลูกค้าของตัวเองเช่นกัน
สำหรับสภาพคล่องส่วนเกินที่มีประมาณแสนล้านบาทที่นำมาใช้ในการดำเนินงานได้นั้นถือว่าสูงกว่าเกินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด โดยมีถึง 13% ของยอดเงินฝากรวม ขณะที่เงินที่ใช้ในซึ่งสภาพคล่องส่วนใหญ่ใช้ในการปล่อยสินเชื่อปกติปีนี้ที่ตั้งเป้าไว้ 8.5 หมื่นล้านบาท