xs
xsm
sm
md
lg

แบงก์สั่งสาขาในเขต พ.ร.บ.มั่นคง ปิดทำการได้ทันทีหากเกิดเหตุรุนแรง ยันมีแผนฉุกเฉินรองรับ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ธ.กสิกรไทย สั่งสาขา 3 เขต พ.ร.บ.มั่นคง ปิดทำการได้ทันทีหากเหตุรุนแรง กำชับให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมให้อำนาจผู้จัดการสาขาตัดสินใจแบบเบ็ดเสร็จ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของลูกค้า พนักงาน และทรัพย์สินเป็นหลัก ซึ่งแต่ละสาขามีแผนฉุกเฉินรองรับสถานการณ์อย่างชัดเจนอยู่แล้ว

นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมทางการเมือง ว่า ธนาคารได้มีคำสั่งไปยังผู้จัดการสาขาที่่อยู่ใน 3 เขตกรุงเทพมหานคร คือ เขตพระนคร ดุสิต และป้อมปราบศัตรูพ่าย ที่อยู่ในพื้นที่ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากเกิดความรุนแรงให้อำนาจผู้จัดการสาขาสั่งปิดสาขาได้ทันที โดยให้คำนึงถึงความปลอดภัยของลูกค้า พนักงาน และทรัพย์สินเป็นหลัก ซึ่งแต่ละสาขามีแผนฉุกเฉินรองรับสถานการณ์อย่างชัดเจนอยู่แล้ว

นายปกรณ์ กล่าวว่า การชุมนุมทางการเมืองอยู่ในวงจำกัด และเกิดแค่ระยะสั้น ก็จะกระทบเฉพาะจิตวิทยาของประชาชนเท่านั้น แต่หากสถานการณ์ยืดเยื้อรุนแรง จะกระทบต่อการท่องเที่ยว การลงทุน การบริโภค รวมทั้งภาพเศรษฐกิจโดยรวม

ส่วนกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้ธนาคารพาณิชย์กันสำรองเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษเผื่อสำหรับการรองรับในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจมีปัญหานั้น นายปกรณ์ กล่าวว่า ต้องมีการหารือในการประชุมสมาคมธนาคารไทย แต่ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยง โดยต้องระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อ โดยเฉพาะสินเชื่อรายย่อยโดยเน้นให้มีคุณภาพสินเชื่อดี เพื่อควบคุมดูแลปริมาณหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) และหันมาเน้นสัดส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มมากขึ้น ทำให้การดูแลการปล่อยสินเชื่อรายย่อยเน้นกลุ่มมีผู้รายได้ 15,000 บาทขึ้นไป ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเกิดหนี้เสียน้อยกว่า เพราะจากการศึกษาพบว่า กลุ่มที่รายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน มีความอ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจ และแนวโน้มราคาสินค้าอย่างมาก

ปัจจุบัน ธนาคารมีสัดส่วนสินเชื่อผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาท เพียงร้อยละ 17 และมีเอ็นพีแอลกลุ่มนี้ประมาณร้อยละ 1 เทียบกับเอ็นพีแอลสินเชื่อรวมของระบบธนาคารอยู่ที่ร้อยละ 2.2 ซึ่งถือว่าต่ำกว่าเกณฑ์ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าปัญหาหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงขึ้น ทำให้ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อบ้านที่ธนาคารปฏิเสธการให้สินเชื่อเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 25-30 เป็นร้อยละ 30-35 และพิจารณาคุณสมบัติของลูกค้าที่ขอสินเชื่ออย่างเข้มงวด

โดยในปีนี้ ธนาคารได้ตั้งเป้าการปล่อยสินเชื่อรายย่อยขยายตัวร้อยละ 10-13 โดยเน้นรายได้ค่าธรรมเนียมโตร้อยละ 26-29 มีรายได้ค่าธรรมเนียม 23,000 ล้านบาท ซึ่งครึ่งปีแรกธนาคารมีรายได้จากค่าธรรมเนียมสูงกว่าเป้าหมาย คือ โตร้อยละ 32 หรือมีรายได้ค่าธรรมเนียม 11,500 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น