บมจ.เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น พร้อมซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ 7 สิงหาคมนี้ หลังเสนอขายหุ้นไอพีโอ 1,454.3 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 3.50 บาท ผู้บริหารระบุ พี/อี เรโช 15.8 เท่า พร้อมชูนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บมจ.เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น (PACE) จะเข้าจดทะเบียน และเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2556 โดยปัจจุบัน PACE เป็นผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ “มหานคร” บนถนนนราธิวาสราชนครินทร์
ที่เป็นโครงการลักษณะผสมผสาน (mixed use) ทั้งโรงแรมระดับ 5 ดาว “บางกอกเอดิชั่น” อาคารพักอาศัยระดับซูเปอร์ลักชัวรี “เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส บางกอก” และศูนย์การค้า “รีเทลคิวบ์” และ “รีเทล ฮิลล์”
สำหรับ PACE มีทุนชำระแล้ว 2,054.3 ล้านบาท มีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 1,454.3 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 600 ล้านหุ้น โดยบริษัทเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนทั้งจำนวนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) เมื่อวันที่ 29-31 กรกฎาคม 2556 ในราคาหุ้นละ 3.50 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนทั้งสิ้น 2,100 ล้านบาท มีบริษัทที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายสรพจน์ เตชะไกรศรี กรรมการผู้จัดการ บมจ.เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปซื้อที่ดินบางส่วนเพื่อพัฒนาโครงการวิลลาที่หัวหิน และโครงการคอนโดมิเนียม ถนนหลังสวน ชำระคืนเงินกู้บางส่วน สำรองเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ รวมถึงซื้อหุ้น และรับโอนหนี้ตามสัญญาในบริษัท เพซ เรียลเอสเตท จำกัด บริษัท เพซ โปรเจ็ค วัน จำกัด บริษัท เพซ โปรเจ็ค ทู จำกัด และบริษัท เพซ โปรเจ็ค ทรี จำกัด ซึ่งเป็นกิจการที่ควบคุมร่วมกันกับไอบีซีไทยแลนด์
ทั้งนี้ หลังกระจายหุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไป ผู้ถือหุ้นใหญ่ของเพชฯ 3 รายแรกได้แก่ กลุ่มเตชะไกรศรี ถือหุ้น 55.2% นายอภิชาติ เกษมกุลศิริ ถือหุ้น 4.4% และ น.ส.ศิริอร อิศรางกูร ณ อยุธยา ถือหุ้น 3.9%
ส่วนการกำหนดราคาหุ้นไอพีโอ บริษัทฯ พิจารณาจากการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ของนักลงทุนสถาบัน (Book Building) และอัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E ratio) 15.8 เท่า ซึ่งคำนวณจากประมาณการกำไรสุทธิเฉลี่ยเฉพาะจากโครงการ “มหานคร” ปี 2556-2559 หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญก่อนการเสนอขายหลักทรัพย์ในครั้งนี้ เท่ากับ 0.22 บาท โดย P/E ratio
ของผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อื่นในอุตสาหกรรมเดียวกันที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่ที่ 29.28 เท่า (ระหว่างวันที่ 24 มิ.ย.-23 ก.ค.2556)
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษี และสำรองตามกฎหมาย
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บมจ.เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น (PACE) จะเข้าจดทะเบียน และเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2556 โดยปัจจุบัน PACE เป็นผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ “มหานคร” บนถนนนราธิวาสราชนครินทร์
ที่เป็นโครงการลักษณะผสมผสาน (mixed use) ทั้งโรงแรมระดับ 5 ดาว “บางกอกเอดิชั่น” อาคารพักอาศัยระดับซูเปอร์ลักชัวรี “เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส บางกอก” และศูนย์การค้า “รีเทลคิวบ์” และ “รีเทล ฮิลล์”
สำหรับ PACE มีทุนชำระแล้ว 2,054.3 ล้านบาท มีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 1,454.3 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 600 ล้านหุ้น โดยบริษัทเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนทั้งจำนวนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) เมื่อวันที่ 29-31 กรกฎาคม 2556 ในราคาหุ้นละ 3.50 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนทั้งสิ้น 2,100 ล้านบาท มีบริษัทที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายสรพจน์ เตชะไกรศรี กรรมการผู้จัดการ บมจ.เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปซื้อที่ดินบางส่วนเพื่อพัฒนาโครงการวิลลาที่หัวหิน และโครงการคอนโดมิเนียม ถนนหลังสวน ชำระคืนเงินกู้บางส่วน สำรองเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ รวมถึงซื้อหุ้น และรับโอนหนี้ตามสัญญาในบริษัท เพซ เรียลเอสเตท จำกัด บริษัท เพซ โปรเจ็ค วัน จำกัด บริษัท เพซ โปรเจ็ค ทู จำกัด และบริษัท เพซ โปรเจ็ค ทรี จำกัด ซึ่งเป็นกิจการที่ควบคุมร่วมกันกับไอบีซีไทยแลนด์
ทั้งนี้ หลังกระจายหุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไป ผู้ถือหุ้นใหญ่ของเพชฯ 3 รายแรกได้แก่ กลุ่มเตชะไกรศรี ถือหุ้น 55.2% นายอภิชาติ เกษมกุลศิริ ถือหุ้น 4.4% และ น.ส.ศิริอร อิศรางกูร ณ อยุธยา ถือหุ้น 3.9%
ส่วนการกำหนดราคาหุ้นไอพีโอ บริษัทฯ พิจารณาจากการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ของนักลงทุนสถาบัน (Book Building) และอัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E ratio) 15.8 เท่า ซึ่งคำนวณจากประมาณการกำไรสุทธิเฉลี่ยเฉพาะจากโครงการ “มหานคร” ปี 2556-2559 หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญก่อนการเสนอขายหลักทรัพย์ในครั้งนี้ เท่ากับ 0.22 บาท โดย P/E ratio
ของผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อื่นในอุตสาหกรรมเดียวกันที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่ที่ 29.28 เท่า (ระหว่างวันที่ 24 มิ.ย.-23 ก.ค.2556)
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษี และสำรองตามกฎหมาย