“เกียรตินาคิน” อึดคงเป้าสินเชื่อรวมเติบโตที่ 19% รับ 6 เดือนแรกเจอพิษราคารถมือสองวูบ ทำเอ็นพีแอลเพิ่มเป็น 3.5% จากสิ้นปีที่ 3.3% พร้อมรีแบรนดิ้ง ภายใต้แนวคิด “Optimisation”
นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่า ในส่วนของธุรกิจธนาคารพาณิชย์ในปีนี้ ยังคงเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อรวมที่ 19% จากช่วง 6 เดือนแรกของปีที่มียอดคงค้างสินเชื่อที่ระดับ 182,505 ล้านบาท เติบโต 8% ขณะที่มีตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ที่ 3.5% เพิ่มขึ้นจากปลายปี 55 ที่ 3.3% โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากราคารถยนต์มือสองที่ลดลง
สำหรับอัตราการเติบโตของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใน 6 เดือนแรกนั้น อยู่ในอัตรา 5.8% ขณะที่เอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นเป็น 2% จากสิ้นปีที่อยู่ในอัตรา 1.6% และในช่วงที่เหลือของปีธนาคารก็จะพยายามบริหารจัดการเอ็นพีแอลในส่วนนี้ไว้ในระดับไม่เกิน 2% ซึ่งเท่าที่ดูสถานการณ์ขณะนี้ก็เริ่มที่จะนิ่งแล้ว จึงน่าจะทรงตัวอยู่ในระดับที่ตั้งไว้
นายอภินันท์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่ามีปัญหาในกลุ่มสินเชื่อรถมือสองอยู่บ้าง มีการยึดรถยนต์มากขึ้นจาก 500 คันต่อเดือน เป็น 700-800 คันต่อเดือน ซึ่งหลังจากยึดรถ และนำมาขายทอดตลาดทำให้ราคาเฉลี่ยรถยนต์ลดลง 50,000-60,000 บาท แต่ยังคาดการณ์ว่า NPL ในสิ้นปีจะยังไม่เกิน 3.5%
“เรื่องเป้าหมายสินเชื่อรวมนั้นก็ยังดูๆ อยู่ ก็คิดว่าทั้งปีก็คงใกล้กับเป้าที่ตั้งไว้หรืออาจจะต่ำกว่าเป้านิดหน่อย ไม่ถึงกับมีนัยอะไร สินเชื่อเช่าซื้อก็เช่นกัน เราก็คาดการณ์อยู่แล้วว่าจะชะลอตัวลงจึงได้ตั้งเป้าเติบโตในอัตราที่ลดลง จากปี 2555 เราโตกว่า 30% ปีนี้ 12-15% ซึ่งการชะลอลงก็ถือว่าเป็นความระมัดระวังอย่างหนึ่งเช่นกัน ส่วนหลักเกณฑ์ในการอนุมัติต่างๆ ก็จะยังมีความรอบคอบเหมือนเดิม”
ส่วนผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปี สินเชื่อรวมเติบโตได้ 8% ส่วนใหญ่มาจากการขยายสินเชื่อธุรกิจอสังหาริมทรัะย์ และสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ รวมถึงมีการกระจายรายได้ที่ดีขึ้น โดยสัดส่วนรายได้ค่าธรรมเนียม และบริการในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 3,804 ล้านบาท และรายได้จากดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 7,821 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรของกลุ่มธุรกิจมีความสมดุล โดยมีกำไรสุทธิ 6 เดือนแรกของปีอยู่ที่ 2,399 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72% มีการเติบโตของสินเชื่อเช่าซื้อ 5.8% สินเชื่อเอสเอ็มอี 17.4% ซึ่งส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เติบโตถึง 25.8% จากสิ้นปี 2555
ด้านปัญหาการเมือง ตลาดภาคเอกชนยังไม่มีความอ่อนไหวเท่ากับตลาดทุน ซึ่งการเมืองอาจส่งผลกระทบให้มีการผันผวนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ ภาคธุรกิจผู้ประกอบการคงไม่มีผลกระทบมากนัก แต่หากเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้นคงต้องเฝ้าระวัง และเตรียมพร้อม
นอกจากนี้ กลุ่มเกียรตินาคินภัทร จะมีการรีแบรนด์ใหม่ ภายใต้แนวคิด “Optimisation” คือ การมุ่งแสวงหาทางเลือกทางการเงิน และการลงทุนที่ดีที่สุด และเป็นประโยชน์สูงสูดสำหรับลูกค้าแต่ละราย ตามนโยบายที่จะเป็นสถาบันการเงินที่ชำนาญการเฉพาะด้าน ที่มีผลิตภัณฑ์ทางการเงินและให้บริการที่มีคุณภาพสูง โดยพนักงานที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ เพื่อให้ลูกค้าประสบความสำเร็จที่ยั่งยืนในการทำธุรกิจ และการลงทุน
นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่า ในส่วนของธุรกิจธนาคารพาณิชย์ในปีนี้ ยังคงเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อรวมที่ 19% จากช่วง 6 เดือนแรกของปีที่มียอดคงค้างสินเชื่อที่ระดับ 182,505 ล้านบาท เติบโต 8% ขณะที่มีตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ที่ 3.5% เพิ่มขึ้นจากปลายปี 55 ที่ 3.3% โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากราคารถยนต์มือสองที่ลดลง
สำหรับอัตราการเติบโตของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใน 6 เดือนแรกนั้น อยู่ในอัตรา 5.8% ขณะที่เอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นเป็น 2% จากสิ้นปีที่อยู่ในอัตรา 1.6% และในช่วงที่เหลือของปีธนาคารก็จะพยายามบริหารจัดการเอ็นพีแอลในส่วนนี้ไว้ในระดับไม่เกิน 2% ซึ่งเท่าที่ดูสถานการณ์ขณะนี้ก็เริ่มที่จะนิ่งแล้ว จึงน่าจะทรงตัวอยู่ในระดับที่ตั้งไว้
นายอภินันท์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่ามีปัญหาในกลุ่มสินเชื่อรถมือสองอยู่บ้าง มีการยึดรถยนต์มากขึ้นจาก 500 คันต่อเดือน เป็น 700-800 คันต่อเดือน ซึ่งหลังจากยึดรถ และนำมาขายทอดตลาดทำให้ราคาเฉลี่ยรถยนต์ลดลง 50,000-60,000 บาท แต่ยังคาดการณ์ว่า NPL ในสิ้นปีจะยังไม่เกิน 3.5%
“เรื่องเป้าหมายสินเชื่อรวมนั้นก็ยังดูๆ อยู่ ก็คิดว่าทั้งปีก็คงใกล้กับเป้าที่ตั้งไว้หรืออาจจะต่ำกว่าเป้านิดหน่อย ไม่ถึงกับมีนัยอะไร สินเชื่อเช่าซื้อก็เช่นกัน เราก็คาดการณ์อยู่แล้วว่าจะชะลอตัวลงจึงได้ตั้งเป้าเติบโตในอัตราที่ลดลง จากปี 2555 เราโตกว่า 30% ปีนี้ 12-15% ซึ่งการชะลอลงก็ถือว่าเป็นความระมัดระวังอย่างหนึ่งเช่นกัน ส่วนหลักเกณฑ์ในการอนุมัติต่างๆ ก็จะยังมีความรอบคอบเหมือนเดิม”
ส่วนผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปี สินเชื่อรวมเติบโตได้ 8% ส่วนใหญ่มาจากการขยายสินเชื่อธุรกิจอสังหาริมทรัะย์ และสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ รวมถึงมีการกระจายรายได้ที่ดีขึ้น โดยสัดส่วนรายได้ค่าธรรมเนียม และบริการในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 3,804 ล้านบาท และรายได้จากดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 7,821 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรของกลุ่มธุรกิจมีความสมดุล โดยมีกำไรสุทธิ 6 เดือนแรกของปีอยู่ที่ 2,399 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72% มีการเติบโตของสินเชื่อเช่าซื้อ 5.8% สินเชื่อเอสเอ็มอี 17.4% ซึ่งส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เติบโตถึง 25.8% จากสิ้นปี 2555
ด้านปัญหาการเมือง ตลาดภาคเอกชนยังไม่มีความอ่อนไหวเท่ากับตลาดทุน ซึ่งการเมืองอาจส่งผลกระทบให้มีการผันผวนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ ภาคธุรกิจผู้ประกอบการคงไม่มีผลกระทบมากนัก แต่หากเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้นคงต้องเฝ้าระวัง และเตรียมพร้อม
นอกจากนี้ กลุ่มเกียรตินาคินภัทร จะมีการรีแบรนด์ใหม่ ภายใต้แนวคิด “Optimisation” คือ การมุ่งแสวงหาทางเลือกทางการเงิน และการลงทุนที่ดีที่สุด และเป็นประโยชน์สูงสูดสำหรับลูกค้าแต่ละราย ตามนโยบายที่จะเป็นสถาบันการเงินที่ชำนาญการเฉพาะด้าน ที่มีผลิตภัณฑ์ทางการเงินและให้บริการที่มีคุณภาพสูง โดยพนักงานที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ เพื่อให้ลูกค้าประสบความสำเร็จที่ยั่งยืนในการทำธุรกิจ และการลงทุน
