บมจ.สหการประมูล หรือ AUCT สรุปราคา IPO ที่ 2 บาท เตรียมเปิดจองประชาชนทั้วไปวันที่ 31 ก.ค. และ 1-2 ส.ค.นี้ พร้อมเข้าเสนอขายในตลาด mai 9 ส.ค. เพื่อระดมเงินทุนหมุนเวียนธุรกิจประมูลรถ และยกระดับมาตรฐานแบรนด์ “ฟินเน็กซ์” เชื่อผลประกอบการย้อนหลังเติบโตตามเป้า สามารถต่อยอดธุรกิจรองรับสู่ประชาชนคมอาเซียนได้มาก ด้าน คันทรี่กรุ๊ป แกนนำการจำหน่ายหุ้น มั่นใจหุ้น IPO นักลงทุนตอบรับดี พร้อมจับมือพันธมิตร โกลเบล็ก ดีบีเอส โนมูระ ร่วมจำหน่าย
นายเอกพิทยา เอี่ยมคงเอก กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. สหการประมูล (AUCT) กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปีนี้คาดว่าจะเติบโตที่ประมาณ 10-20% จากในปีก่อนที่มีรายได้โดยเฉลี่ย 352.26 ล้านบาท เนื่องจากแนวโน้มในครึ่งปีหลังเศรษฐกิจไทยมีอาจปรับตัวลดลงซึ่งจะส่งผลบวกต่อธุรกิจบริษัท ทำให้จำนวนรถยึดคืนในระบบปกติ และรถที่ยึดคืนจากมหกรรมรถยนต์คันแรกมีจำนวนรถที่นำมาขายในเต็นท์รถมือสองมีจำนวนมากขึ้น โดยรถยนต์มือสองปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 3.8 หมื่นคัน จากปีก่อน 3 หมื่นคัน ส่งผลต่อรายได้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยในไตรมาส 1 ปีนี้บริษัทมีรายได้รวม 98 ล้านบาท
ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ของบริษัทฯ แบ่งเป็นค่าธรรมเนียมการขายและการให้บริการจากการประมูลรถยนต์และรถจัการยานยนต์ 95% ส่วนอีก 5% เป็นการประมูลบ้านและเฟอร์นิเจอร์ บริษัทฯ คาดว่าอัตรากำไรสุทธิปีนี้มีแนวโน้มได้มากกว่า 10% จากปีก่อนที่มีอัตรากำไรสุทธิ 10% ทั้งนี้ คาดว่าในปีนี้บริษัทจะรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ประมาณ 40%
อย่างไรก็ดี การที่บริษัทฯ เตรียมที่จะออกขายหุ้น IPO จำนวน 110 ล้านหุ้น ในตลาดหลักทรัพย์ mai เป็นวันแรกในวันที่ 9 ส.ค.56 มูลค่าต่อหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท และราคาเสนอขายหุ้นละ 2 บาท คาดว่าจะสามารถระดมทุนได้ประมาณ 220 ล้านบาท
“สถานการณ์ภาวะตลาดปัจจุบันที่มีความผันผวน บริษัทไม่ได้มีความกังวลเกี่ยวกับหุ้น IPO ว่าจะได้รับผลตอบรับเป็นอย่างไร เพราะว่าหุ้นของบริษัทมีเพียงแค่ 110 ล้านหุ้นเท่านั้น เป็นการระดมทุนในจำนวนที่น้อยหากเทียบกับบริษัทอื่นซึ่งจำนวนหุ้น IPO 50% ได้ขายให้แก่ผู้มีอุปการคุณไปแล้ว แต่การที่บริษัทเข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อเป็นการยกระดับ และสร้างภาพลักษณ์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น และมองว่าส่วนลดที่ 10% อาจจะจูงใจได้ระดับหนึ่งเท่านั้น”
ด้านนายเทพชัย ศิลา ประธานกรรมการบริหาร AUCT กล่าวว่า บริษัทได้ตั้งเป้าประมาณการยอดขายรถยนต์ และรถจักรยานยนต์มือสองในปีนี้อยู่ที่ 8 หมื่นคัน และในปีหน้าคาดว่าจำนวนยอดขายจะเพิ่มขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 1 แสนคัน เนื่องจากภาวะฟองสบู่ในตลาดรถยนต์มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้น และบริษัทได้รับการสนับสนุนกับพันธมิตรในการส่งรถยนต์มือสองที่จะให้บริษัทนำมาประมูลมากขึ้น ซึ่งคาดว่ารายได้ในปีหน้าจะเติบโตขึ้นถึง 20%
ส่วน ดร.ประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บล.คันทรี่ กรุ๊ป หรือ CGS แกนนำการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น สามัญเพิ่มทุนเปิดเผยว่า บมจ.สหการประมูล หรือ AUCT เป็นบริษัทที่มีความพร้อม และมีศักยภาพที่ในการขยายธุรกิจได้อีกมาก ขณะที่ธุรกิจประมูลรถยนต์ยังคงมีแนวโน้มเติบโตดี ขณะเดียวกัน ราคาหุ้น AUCT ที่เสนอขายให้แก่นักลงทุนในราคา 2 บาท จึงถือเป็นระดับราคาที่มีความน่าสนใจ เมื่อเปรียบเทียบกับปัจจัยพื้นฐาน และโอกาสทางธุรกิจของบริษัท
ด้านนายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินเน็กซ์แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินเปิดเผยว่า ในวงการประมูลรถยนต์ของไทย บมจ.สหการประมูล หรือ AUCT ซึ่งถือเป็นเบอร์ 1 มีศักยภาพในการแข่งขันสูง มีความโดดเด่น อีกทั้งมีบริการประมูลที่หลากหลาย ทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ สินค้าอื่นๆ ตามความต้องการของลูกค้า เช่น บ้านและที่ดิน หุ้น เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าแบรนด์เนม อีกด้วย
ทั้งนี้ เชื่อว่าการเปิดจองหุ้น IPO ในระหว่างวันที่ 31 ก.ค.และ 1-2 ส.ค.นี้ จะได้รับความสนใจ และมีกระแสตอบรับที่ดีอย่างมากจากนักลงทุน โดยการเสนอขายหุ้นไอพีโอของ AUCT มีผู้จัดจำหน่ายร่วม ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ บล.โนมูระ พัฒนสิน หรือ CNS
ขณะเดียวกัน บริษัทเตรียมที่จะขยายตลาดให้บริการประมูลรถในประเทศแถบอาเซียนหลังจากเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) เนื่องจากปัจจุบัน ในประเทศอาเซียนถูกจำกัดโดยข้อกฎหมายห้ามนำรถมือสองเข้าจำหน่าย โดยปัจจุบัน ประเทศที่สามารถนำเข้ารถมือสองเข้าจำหน่ายได้ ได้แก่ พม่า ลาว กัมพูชา ส่วนประเทศอื่นขณะนี้บริษัทได้มีการเจรจากับพันธมิตรในอินโดนีเซีย และมาเลเซีย เพื่อขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศอาเซียน แต่บริษัทก็ต้องมีการพิจารณาความเสี่ยงในการลงทุน