หุ้นไทยปิดลบ 44.68 จุด อยู่ที่ระดับ 1,456.68 จุด มูลค่าการซื้อขาย 56,291.36 ล้านบาท จากข่าวการดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเข้าสภาในวันที่ 7 ส.ค.นี้ และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนบางบริษัทไม่เข้าเป้า หวั่นเกิดสถานการณ์รุนแรงบานปลาย
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ (25 ก.ค.) ปิดที่ระดับ 1,456.68 จุด ปรับตัวลดลง 44.68 จุด หรือ -2.98% มูลค่าการซื้อขาย 56,291.36 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,494.56 จุด และลดลงต่ำสุดที่ 1,456.52 จุด ภาพรวมดัชนีหลักทรัพย์ร่วงลงแรงจากนักลงทุนวิตกกังวลเหตุการณ์รุนแรงจากการเร่งยื่น พ.ร.บ.นิรโทษกรรมทันทีที่เปิดประชุมสภา
หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลง เพิ่มขึ้น 166 หลักทรัพย์ ลดลง 648 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 84 หลักทรัพย์
การซื้อขายสุทธิแยกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า สถาบันในประเทศขายสุทธิ 62.72 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักหลักทรัพย์ (บล.) ขายสุทธิ 1,707.87 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนทั่วไปซื้อสุทธิ 1,394.24 ล้านบาท และนักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 376.35 ล้านบาท
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
INTUCH ปิดที่ 88.75 บาท ลดลง -3.50 บาท หรือ -3.79% มูลค่าการซื้อขาย 3,735,908 ล้านบาท
JAS& ปิดที่ 8.25 บาท ลดลง -0.45 บาท หรือ -5.17% มูลค่าการซื้อขาย 3,299,356 ล้านบาท
TRUE ปิดที่ 8.85 บาท ลดลง -0.55 บาท หรือ -5.85% มูลค่าการซื้อขาย 2,931,365 ล้านบาท
ADVANC ปิดที่ 286.00 บาท ลดลง -15.00 บาท หรือ -4.98% มูลค่าการซื้อขาย 2,910,840 ล้านบาท
PTT ปิดที่ 333.00 บาท ลดลง -11.00 บาท หรือ -3.20% มูลค่าการซื้อขาย 1,928,413 ล้านบาท
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลดลงอยู่ในแนวลบตลอดทั้งวัน สืบเนื่องมาจากแนวโน้มการเมืองที่ส่อเค้าเริ่มมีปัญหา จากกรณีพรรคเพื่อไทยที่จะดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับของนายวรชัย เหมะ เข้าสู่สภาในวาระแรกทันทีที่เปิดสภาในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ ส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนโดยรวมเข้าสู่สถานการณ์ตึงเครียด เพราะหลายฝ่ายไม่เห็นด้วยกับการผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับนี้ จึงส่งผลให้ตลาดสูญเสียสภาพคล่อง ทั้งนี้ เมื่อดัชนี SET INDEX หลุดจาก 1,500 จุดไปแล้ว ก็ดิ่งลงยาวต่อเนื่องเพราะยังคงมีแรงกระตุ้นจากการขายทำกำไรอยู่ และอาจจะมีการปรับตัวลงได้อีก
ขณะเดียวกัน วันนี้ที่ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ ปตท.สผ. (PTTEP) ก็ได้ประกาศผลประกอบการออกมาซึ่งต่ำกว่าที่หลายฝ่ายคาดการไว้ โดยนอกจากนี้ ยังมีบริษัทจดทะเบียนอีกหลายบริษัทที่ผลประกอบการไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ หรือต่ำกว่าที่ประมาณการ ส่งผลให้นักลงทุนส่วนใหญ่มีความกังวล และอาจมีแรงกระตุ้นจากการเทขายทำกำไรในไตรมาสที่ 3 อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม กลุ่มหุ้นที่ยังคงน่าจะยังทำกำไรได้ดีอยู่ ได้แก่ หุ้นกลุ่มสื่อสาร กลุ่มธนาคาร โดยนักลงทุนควรหาช่วงจังหวะที่ตลาดอ่อนตัวเข้าซื้อเก็บสะสมได้ เช่น SCB, TMB, TCAP ทั้งนี้นักลงทุนควรจับตามองแนวโน้มการประมูลสัญญาณทีวีดิจิตอล ซึ่งจะเริ่มยื่นการประมูลในเดือน สิงหาคม-กันยายน โดยกลุ่มที่มีความโดดเด่นคือ INTUCH, THCOM, JAS ซึ่งคาดว่าจะได้ประโยชน์สูงทั้งด้านเครือข่ายผู้ให้บริการโครงข่ายระบบ และฐานเงินทุนที่มั่นคง
ทั้งนี้ แนวรับวันนี้คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,475 จุด ส่วนแนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,495-1,500 จุด ในส่วนของแนวโน้มตลาดวันพรุ่งนี้ (26 ก.ค.) คาดว่าจะอยู่ที่ในระดับที่ใกล้เคียงกันกับแนวรับแนวต้านของวันนี้