หุ้นไทยปิดลบ 11.95 จุด อยู่ที่ระดับ 1,501.36 จุด มูลค่าการซื้อขาย 53,364.42 ล้านบาท จากข่าวการปรับลด GDP ของจีนลง และนักลงทุนรอฟังผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 2 คาดดัชนีแกว่งตัวตลอดจนถึงสิ้นเดือน
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ (24 ก.ค.) ปิดที่ระดับ 1,501.36 จุด ปรับตัวลดลง 11.95 จุด หรือ -0.79% มูลค่าการซื้อขาย 53,364.42 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,519.21จุด และลดลงต่ำสุดที่ 1,496.88 จุด ภาพรวมดัชนีหลักทรัพย์ ปรับตัวลดลงสวนตลาดยุโรป จากเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลง
หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลง เพิ่มขึ้น 277 หลักทรัพย์ ลดลง 395 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 160 หลักทรัพย์
การซื้อขายสุทธิแยกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า สถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 502.92 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักหลักทรัพย์ (บล.) ซื้อสุทธิ 633.80 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 729.57 ล้านบาท และนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 407.14 ล้านบาท
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
INTUCH ปิดที่ 92.25 บาท ลดลง -1.00 บาท หรือ -1.07% มูลค่าการซื้อขาย 4,296,834 ล้านบาท
TRUE ปิดที่ 9.40 บาท เพิ่มขึ้น +0.05 บาท หรือ +0.53% มูลค่าการซื้อขาย 2,905,541 ล้านบาท
JAS ปิดที่ 8.70 บาท ลดลง -0.45 บาท หรือ -0.15 มูลค่าการซื้อขาย 2,141,786 ล้านบาท
CK ปิดที่ 21.40 บาท เพิ่มขึ้น +0.30 บาท หรือ +1.42% มูลค่าการซื้อขาย 1,969,885 ล้านบาท
KBANK ปิดที่ 187.50 บาท ลดลง -0.50 บาท หรือ -0.27% มูลค่าการซื้อขาย 1,744,084 ล้านบาท
นายกษมพนธ์ เหมนิลรัตน์ ผู้จัดการฝ่ายอาวุโสและผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยสืบเนื่องจากวันอังคารที่ 23 ที่ผ่านมา ดีดตัวขึ้นมาแรงจากแรงขายทำกำไรจากนักลงทุนที่ชะลอความกังวลในมาตรการ QE ของสหรัฐฯ จึงเทขายทำกำไรออกมา
ในขณะที่วันนี้ ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวขึ้นลงตอลดทั้งวัน จากกรณีภาพรวมเศรษฐกิจของจีน ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่กำลังเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วกลับชะลอตัวลง โดยนักวิเคราะห์คาดว่า GDP ของจีนอาจปรับตัวลดลงมาถึงระดับ 7% น้อยกว่าที่ตั้งประมาณการไว้ที่ 7.5%-8% อาจต้องรอดูมาตรการจากรัฐบาลจีนว่าจะอัดฉีดเม็ดเงินเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง ซึ่งส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียในทุกตลาด แต่สวนทางกับตลาดหุ้นยุโรปที่เริ่มฟื้นตัวขึ้น ทั้งตลาดหุ้นอังกฤษ และเยอรมนี
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมตลาดหุ้นไทยสามารถในช่วงระยะเวลานี้การกลับมายืนสวนตลาดได้ในระดับ 1,501 จุด ซึ่งคาดว่าหลังจากประการศกำไรผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนจะมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นลงตามไปด้วย ทั้งนี้ หุ้นในกลุ่มสื่อสารยังคงสามารถทำกำไรได้ดีจากการพัฒนาระบบ 3G และเตรียมที่จะประมูลทีวีดิจิตอลในอีก 2 ข้างหน้า หุ้นกลุ่มธนาคาร และรับเหมาก่อสร้าง ก็ยังเป็นหุ้นที่มีมูลค่าจากปัจจัยพื้นฐานที่ดีอยู่ และในครึ่งปีหลังนโยบายตราสารหนี้ภาครัฐที่จะประกาศออกมาใช้มีโอกาสที่จะผลักดันหุ้นไทยให้ไปต่อได้ที่ระดับ 1,500-1,550 จุด
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้คาดว่าแนวรับจะอยู่ที่ 1,495 จุด ส่วนแนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,520 จุด และแนวโน้มดัชนีหุ้นไทยจะยังคงขึ้นลงผันผวนไปอีกอยางน้อยจนถึงสิ้นเดือนนี้
