ASTVผู้จัดการรายวัน - แบงก์ประกาศผลการดำเนินงานครึ่้งปีแรก กำไรยังเติบโตได้ดี โดยเฉพาะในส่วนของรายได้ค่าธรรมเนียม “บัวหลวง” กำไรสุทธิ 1.9 หมื่นล้าน เพิ่ม 13% แต่ NIM หดเหลือ 2.41% จาก 2.49% “ทีเอ็มบี” กำไรสุทธิ 2 พันล้าน โต 16% และ “ซีไอเอ็มบี” กำไรโต 64%
นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) เปิดเผยว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปี ธนาคารกรุงเทพ มีกำไรสุทธิจำนวน 19,265 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.1% โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 657 ล้านบาท รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 3,182 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานลดลง 299 ล้านบาท
ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2556 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อ จำนวน 1,666,426 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62,035 ล้านบาท หรือ 3.9% จากสิ้นปี 2555 และเพิ่มขึ้น 124,913 ล้านบาท หรือคิดเป็น 8.1% จากสิ้นเดือนมิถุนายน 2555 โดยเพิ่มขึ้นจากลูกค้าทุกกลุ่มทั้งลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ ลูกค้าธุรกิจรายกลางและรายปลีก และลูกค้าบุคคลในด้านคุณภาพสินเชื่อ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2556 สินเชื่อด้อยคุณภาพมีจำนวน 44,524 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 2.4 ต่อเงินให้สินเชื่อรวม
อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังคงให้ความสำคัญกับแนวทางการบริหารฐานะการเงินด้วยความรอบคอบ และการตั้งสำรองอย่างสม่ำเสมอ ธนาคารมีค่าใช้จ่ายหนี้สูญ หนี้สงสัยจะสูญ และขาดทุนจากการด้อยค่าสำหรับครึ่งแรกปี 2556 จำนวน 5,120 ล้านบาท โดยเป็นค่าใช้จ่ายในไตรมาสนี้ จำนวน 3,379 ล้านบาท ส่งผลให้ธนาคารมีสัดส่วนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพที่ 206.1% และมีสัดส่วนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อที่ 5.5% แต่มีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิลดลงจาก 2.49% ในครึ่งหลังปี 2555 เป็น 2.41% ในครึ่งแรกปี 2556 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากอัตราผลตอบแทนจากการปล่อยสินเชื่อ และอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนลดลง
**TMB กำไรโต 16% NIM 2.97%**
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) (TMB) กล่าวว่า “ใน 6 เดือนแรกของปี 2556 นี้ ธนาคารมีผลการดำเนินงานดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง สืบเนื่องจากการให้ความสำคัญกับการให้บริการลูกค้าที่ดีขึ้น และนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการธุรกรรมการเงิน (Transactional Banking) ซึ่งตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า ลูกค้าจึงไว้วางใจใช้บริการอย่างต่อเนื่องหลายผลิตภัณฑ์ ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ยรับ (Net Interest Margin - NIM) เพิ่มเป็น 2.97% จาก 2.59% ในปี 2555 และรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 20.5% ในขณะเดียวกัน รายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิเพิ่มขึ้น 36.7% เมื่อเทียบปีก่อน ส่งผลให้รายได้จากการดำเนินงานโดยรวมเพิ่มขึ้น 23.5% ยิ่งไปกว่านั้น ธนาคารยังได้เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ทำให้ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเพียง 4.0% ส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานก่อนสำรอง มีจำนวน 7,137 ล้านบาท เพิ่มจากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว 53%”
พร้อมกันนี้ เพื่อเป็นการเสริมความแข็งแกร่ง และเพิ่มความมีเสถียรภาพของธนาคารพาณิชย์ไทย ทีเอ็มบี ได้ตั้งสำรองพิเศษ จำนวน 4,143 ล้านบาท สำหรับสินเชื่อคุณภาพ ทำให้สำรองของครึ่งปีแรกทั้งหมดคิดเป็น จำนวน 4,676 ล้านบาท หลังตั้งสำรองแล้ว ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิในงวด 6 เดือนแรกของปี จำนวน 2,068 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ขณะเดียวกัน สินเชื่อใน 6 เดือนแรกของปีนี้เพิ่มขึ้น 2.5% โดยสินเชื่อธุรกิจขนาดเล็กขยายตัวต่อเนื่องอยู่ที่ 22% ทั้งนี้ ธนาคารมีสัดส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL ratio) ลดลงอย่างต่อเนื่องมาอยู่ที่ 3.7% และเงินฝากลดลงประมาณ 3.6% ซึ่งเป็นการลดลงของเงินฝากขนาดใหญ่ ขณะที่สัดส่วนเงินฝากรายย่อยยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้นเป็น 68%
**CIMBT กำไร 6 เดือน เพิ่ม 64.6%**
ด้านนายสุภัค ศิวะรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคาร สำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2556 มีกำไรสุทธิ จำนวน 543.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 213.3 ล้านบาท หรือ 64.6% เมื่อเปรียบเทียบผลกำไรสุทธิของงวดเดียวกันปี 2555 สาเหตุหลักจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ 43.5% และการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 23.1% ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 10.4% และค่าใช้จ่ายหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น 96.8% เพื่อรองรับความไม่แน่นอนที่อาจจะเกิดขึ้นจากสภาวะเศรษฐกิจ
โดยมีรายได้จากการดำเนินงานงวดหกเดือนปี 2556 มีจำนวน 4,042.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2555 จำนวน 827.2 ล้านบาท หรือ 25.7% โดยรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้น 159.9 ล้านบาท หรือ 43.5% สำหรับรายได้ดอกเบี้ยสุทธินั้นเพิ่มขึ้น 568.6 ล้านบาท หรือ 23.1% เป็นผลสะท้อนจากการขยายสินเชื่อ และการตอบรับที่ดีของกลุ่มลูกค้ารายย่อยและผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ขณะที่ NIM สำหรับงวด 6 เดือนปี 2556 อยู่ที่ 3.22% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปี 2555 อยู่ที่ 3.27% เป็นผลจากภาวะการแข่งขันด้านเงินฝากอย่างรุนแรงในตลาด
ทั้งนี้ เงินให้สินเชื่ออยู่ที่ 1.51 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนส่วนใหญ่มาจากการขยายตัวของสินเชื่อรายย่อย และมี NPL อยู่ที่ 4.3 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 2.8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปี 2555 อยู่ที่ 3.5%
นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) เปิดเผยว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปี ธนาคารกรุงเทพ มีกำไรสุทธิจำนวน 19,265 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.1% โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 657 ล้านบาท รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 3,182 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานลดลง 299 ล้านบาท
ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2556 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อ จำนวน 1,666,426 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62,035 ล้านบาท หรือ 3.9% จากสิ้นปี 2555 และเพิ่มขึ้น 124,913 ล้านบาท หรือคิดเป็น 8.1% จากสิ้นเดือนมิถุนายน 2555 โดยเพิ่มขึ้นจากลูกค้าทุกกลุ่มทั้งลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ ลูกค้าธุรกิจรายกลางและรายปลีก และลูกค้าบุคคลในด้านคุณภาพสินเชื่อ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2556 สินเชื่อด้อยคุณภาพมีจำนวน 44,524 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 2.4 ต่อเงินให้สินเชื่อรวม
อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังคงให้ความสำคัญกับแนวทางการบริหารฐานะการเงินด้วยความรอบคอบ และการตั้งสำรองอย่างสม่ำเสมอ ธนาคารมีค่าใช้จ่ายหนี้สูญ หนี้สงสัยจะสูญ และขาดทุนจากการด้อยค่าสำหรับครึ่งแรกปี 2556 จำนวน 5,120 ล้านบาท โดยเป็นค่าใช้จ่ายในไตรมาสนี้ จำนวน 3,379 ล้านบาท ส่งผลให้ธนาคารมีสัดส่วนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพที่ 206.1% และมีสัดส่วนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อที่ 5.5% แต่มีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิลดลงจาก 2.49% ในครึ่งหลังปี 2555 เป็น 2.41% ในครึ่งแรกปี 2556 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากอัตราผลตอบแทนจากการปล่อยสินเชื่อ และอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนลดลง
**TMB กำไรโต 16% NIM 2.97%**
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) (TMB) กล่าวว่า “ใน 6 เดือนแรกของปี 2556 นี้ ธนาคารมีผลการดำเนินงานดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง สืบเนื่องจากการให้ความสำคัญกับการให้บริการลูกค้าที่ดีขึ้น และนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการธุรกรรมการเงิน (Transactional Banking) ซึ่งตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า ลูกค้าจึงไว้วางใจใช้บริการอย่างต่อเนื่องหลายผลิตภัณฑ์ ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ยรับ (Net Interest Margin - NIM) เพิ่มเป็น 2.97% จาก 2.59% ในปี 2555 และรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 20.5% ในขณะเดียวกัน รายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิเพิ่มขึ้น 36.7% เมื่อเทียบปีก่อน ส่งผลให้รายได้จากการดำเนินงานโดยรวมเพิ่มขึ้น 23.5% ยิ่งไปกว่านั้น ธนาคารยังได้เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ทำให้ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเพียง 4.0% ส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานก่อนสำรอง มีจำนวน 7,137 ล้านบาท เพิ่มจากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว 53%”
พร้อมกันนี้ เพื่อเป็นการเสริมความแข็งแกร่ง และเพิ่มความมีเสถียรภาพของธนาคารพาณิชย์ไทย ทีเอ็มบี ได้ตั้งสำรองพิเศษ จำนวน 4,143 ล้านบาท สำหรับสินเชื่อคุณภาพ ทำให้สำรองของครึ่งปีแรกทั้งหมดคิดเป็น จำนวน 4,676 ล้านบาท หลังตั้งสำรองแล้ว ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิในงวด 6 เดือนแรกของปี จำนวน 2,068 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ขณะเดียวกัน สินเชื่อใน 6 เดือนแรกของปีนี้เพิ่มขึ้น 2.5% โดยสินเชื่อธุรกิจขนาดเล็กขยายตัวต่อเนื่องอยู่ที่ 22% ทั้งนี้ ธนาคารมีสัดส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL ratio) ลดลงอย่างต่อเนื่องมาอยู่ที่ 3.7% และเงินฝากลดลงประมาณ 3.6% ซึ่งเป็นการลดลงของเงินฝากขนาดใหญ่ ขณะที่สัดส่วนเงินฝากรายย่อยยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้นเป็น 68%
**CIMBT กำไร 6 เดือน เพิ่ม 64.6%**
ด้านนายสุภัค ศิวะรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคาร สำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2556 มีกำไรสุทธิ จำนวน 543.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 213.3 ล้านบาท หรือ 64.6% เมื่อเปรียบเทียบผลกำไรสุทธิของงวดเดียวกันปี 2555 สาเหตุหลักจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ 43.5% และการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 23.1% ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 10.4% และค่าใช้จ่ายหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น 96.8% เพื่อรองรับความไม่แน่นอนที่อาจจะเกิดขึ้นจากสภาวะเศรษฐกิจ
โดยมีรายได้จากการดำเนินงานงวดหกเดือนปี 2556 มีจำนวน 4,042.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2555 จำนวน 827.2 ล้านบาท หรือ 25.7% โดยรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้น 159.9 ล้านบาท หรือ 43.5% สำหรับรายได้ดอกเบี้ยสุทธินั้นเพิ่มขึ้น 568.6 ล้านบาท หรือ 23.1% เป็นผลสะท้อนจากการขยายสินเชื่อ และการตอบรับที่ดีของกลุ่มลูกค้ารายย่อยและผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ขณะที่ NIM สำหรับงวด 6 เดือนปี 2556 อยู่ที่ 3.22% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปี 2555 อยู่ที่ 3.27% เป็นผลจากภาวะการแข่งขันด้านเงินฝากอย่างรุนแรงในตลาด
ทั้งนี้ เงินให้สินเชื่ออยู่ที่ 1.51 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนส่วนใหญ่มาจากการขยายตัวของสินเชื่อรายย่อย และมี NPL อยู่ที่ 4.3 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 2.8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปี 2555 อยู่ที่ 3.5%