xs
xsm
sm
md
lg

CIMBT คาดเลื่อนยกเลิก QE เตือนรับมือเงินทุนเหวี่ยงอีกระลอก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ซีไอเอ็มบี” ไทยประเมินสหรัฐฯ ลดวงเงิน-ยกเลิก QE ไม่ทันปลายปีนี้-กลางปีหน้า เหตุเศรษฐกิจโลกยังไม่เอื้อ ทำภาวะเงินทุนผัวผวนอีกระลอก พร้อมปรับลดประมาณการจีดีพีไทยเหลือ 4-4.50% เหตุบริโภค-ลงทุนฝืดทั้งภาครัฐ-เอกชน

นายบันลือศักดิ์ ปุสสะรังษี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) (CIMBT)กล่าวในงานสัมมนาหัวข้อ “ทิศทางเศรษฐกิจและการลงทุนจะเป็นอย่างไรเมื่อ FED ลด QE” วันนี้ ว่า มีความเป็นไปได้น้อยที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะสามารถปรับลดวงเงินในโครงการ QE ลงในปลายปีนี้ และจะยกเลิกโครงการ QE ในกลางปีหน้าตามที่หลายๆ ฝ่ายคาดการณ์ไว้ ภายใต้เงื่อนไขที่อัตราการว่างงานในปีหน้าจะลดลงเหลือ 6.5% จากปัจจุบันที่อยู่ในระดับ 7.6% และมีอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจที่ระดับ 2.6-2.7% ในปีนี้ และ 3-3.5% ในปีหน้า ซึ่งเงื่อนไดัดังกล่าวเป็นไปได้ยากในภาวะเศรษฐกิจโลกยังไม่เอื้ออำนวยมากนัก

“ผมอาจจะมองต่างมุมจากคนอื่นๆ ที่คาดว่าเฟดจะทำได้ตามที่ว่า แต่ผมว่าไม่ได้ เศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอนสูง ฝั่งยุโรปก็ยังไม่ฟื้น ซึ่งเฟดเองก็รู้ว่ายังมีความเสี่ยง เขาใช้คำว่า จะลดหรือเลิกหากเป็นไปตามเงื่อนไขนี้ ไม่ได้บอกว่าจะทำ จึงยังมีช่องที่เลื่อนออกไปได้อีก คาดว่าจะไปลดวงเงินเอาได้ปลายปีหน้า และยุติในปีถัดไป”

ทั้งนี้ หากเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ก็จะทำให้เงินทุนไหลเข้า-ออกกลับมาผันผวนอีกรอบ หลังจากที่ไหลออกจากภูมิภาคนี้ไปช่วงหนึ่งหลังเฟดประกาศว่าอาจมีการลดวงเงิน QE

ลดประมาณการจีดีพี

นอกจากนี้ ทางฝ่ายวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทยยังได้ปรับลดประมาณการอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยลงเล็กน้อยเป็น 4-4.5% จากเดิม 4.5-5.0% เนื่องจากแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศชะลอตัวลงทั้งส่วนของภาคเอกชน และรัฐ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศก็ยังไม่มีความแน่นอนสูง โดยเฉพาะการชะลอตัวลงกว่าที่คาดการณ์ไว้ของเศรษฐกิจจีน

ขณะที่ปัจจัยในประเทศนั้น เห็นได้อย่างชัดเจนว่าการอุปโภคบริโภคลดลงจากปีก่อน หลังโครงการกระตุ้นการใช้จ่ายหมดพร้อมๆ กับหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น ส่วนการลงทุนภาครัฐในปีนี้คงมีไม่มากนัก จากข้อติดขัดหลายๆข้อ เช่น การลงทุนในโครงการน้ำที่คาดว่าจะมีบ้างในปีนี้ ก็คงจะไม่ได้ เพราะมีคำสั่งศาลปกครองกรณีโครงการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ขัดรัฐธรรมนูญ เป็นต้น

ส่วนปัจจัยต่างประเทศในขณะนี้คงจะให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจจีนมากกว่าทางยุโรป โดยประเมินว่าเศรษฐกิจจีนในไตรมาสที่ 2 และครึ่งหลังของปีนี้ มีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่า 7.5% และยังต้องจับตามองในช่วง 2 ปีข้างหน้าว่าจีนจะสามารถปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนหรือไม่

ด้านทิศทางดอกเบี้ยนโยบายในการปรับชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 10 กรกฎาคมนี้ น่าจะยังคงที่ระดับ 2.25% แต่ในช่วงครึ่งปีหลังอาจจะปรับลดลงอีก 0.25-0.50% จากทิศทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง

ชี้อสังหาฯ เริ่มเห็นฟองสบู่

นายบันลือศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในภาคอสังหาริมทรัพย์นั้น เท่าที่มีการสำรวจออกมาเริ่มเห็นมีฟองสบู่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่มากนัก โดยผลสำรวจพบว่า ประมาณ 2 ใน 3 ของผู้ซื้อคอนโดมิเนียมเป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง แต่ประมาณ 20-24% เป็นการลงทุนคือ ซื้อเพื่อขายต่อหรือให้เช่า และประมาณ 10-14% เป็นการซื้อเพื่อเก็งกำไร ซึ่งปัจจัยต่างๆ เหล่าก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะลดดอกเบี้ยได้ไม่มากนัก
กำลังโหลดความคิดเห็น