ผู้ถือหุ้น “วธน แคปปิตัล” แห่ใช้สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนเกิน 2,600 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 234 ล้านบาท ผู้บริหารระบุเป็นผลมาจากนักลงทุนมั่นใจอนาคตสดใส เผยตอนนี้อาวุธครบมือพร้อมลุยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์สุดตัว เตรียมผุด 3 โปรเจกต์ภายในปีนี้ โครงการโฮมออฟฟิศ และคอนโดฯ ที่ลาดพร้าวมูลค่า 170 ลบ. โครงการคอนโดฯ ย่านทองหล่อ มูลค่า
540 ลบ. และเตรียมเช่าพื้นที่ทำแวร์เฮาส์ เนื้อที่ประมาณ 25,000 ตารางเมตร วางเป้าขึ้นแท่นผู้ประกอบการชั้นแนวหน้าของเมือง
ไทย
นายสิริวัฒน์ โตวชิรกุล กรรมการบริหาร บริษัท วธน แคปปิตัล จำกัด (มหาชน) หรือ WAT เปิดเผยว่า หลังจากเปิดจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนในช่วงที่ผ่านมา ปรากฏว่า ได้รับกระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยม โดยมีผู้ถือหุ้นใช้สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนเกินสิทธิ 2,600 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นเม็ดเงินประมาณ 234 ล้านบาท ซึ่งการใช้สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนเกินจำนวนรอบนี้ สะท้อนว่าผู้ถือหุ้น
ให้ความมั่นใจ และเชื่อมั่นต่อ WAT ว่าจะสามารถขยายตัวต่อไปในอนาคต รวมถึงทิศทางของผลประกอบการที่กลับมาเทิร์นอะราวนด์ได้
อนึ่ง WAT ได้จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม (Right Offering) จำนวน 10,240 ล้านหุ้น ในอัตราส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 4 หุ้นใหม่ ราคาหุ้นละ 0.09 บาท โดย WAT มีแผนนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนลงทุนในโครงการโฮมออฟฟิศ และคอนโดมิเนียม โคลเวอร์ (Clover) ลาดพร้าว 83 มูลค่าโครงการประมาณ 170 ล้านบาท ซึ่งในปัจจุบัน มียอดจองเข้ามาแล้วมากกว่า 50% และอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า รวมถึงการก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียมระดับพรีเมียม บริเวณทองหล่อ (สุขุมวิท 55) ที่ได้ดำเนินการซื้อที่ดินเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในไตรมาส 3 ปีนี้ และรับรู้รายได้ในปลายปี 2557 มูลค่าโครงการประมาณ 540 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะเช่าพื้นที่ประมาณ 30 ไร่ บนถนนบางนา-ตราด เพื่อสร้างเป็นคลังสินค้า (Warehouse) พื้นที่ประมาณ 25,000 ตารางเมตร เพื่อสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอในระยะยาวให้แก่บริษัทฯ ต่อไป
“รู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ถือหุ้นให้ความมั่นใจต่อบริษัทฯ และใช้สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนเกินสิทธิเข้ามา ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อ WAT และเงินทุนที่ได้รับมาครั้งนี้จะทำให้บริษัทฯ มีฐานทุนที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยเม็ดเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนรอบนี้อยู่ที่ประมาณ 921 ล้านบาท จะนำไปใช้ขยายลงทุนให้เกิดประโยชน์มากที่สุด และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างผลตอบแทนกลับมาสู่ผู้ถือหุ้นให้เร็วที่สุด และสร้างผลประกอบการให้แข็งแกร่ง และมั่นคงในระยะยาว” นายสิริวัฒน์กล่าว
540 ลบ. และเตรียมเช่าพื้นที่ทำแวร์เฮาส์ เนื้อที่ประมาณ 25,000 ตารางเมตร วางเป้าขึ้นแท่นผู้ประกอบการชั้นแนวหน้าของเมือง
ไทย
นายสิริวัฒน์ โตวชิรกุล กรรมการบริหาร บริษัท วธน แคปปิตัล จำกัด (มหาชน) หรือ WAT เปิดเผยว่า หลังจากเปิดจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนในช่วงที่ผ่านมา ปรากฏว่า ได้รับกระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยม โดยมีผู้ถือหุ้นใช้สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนเกินสิทธิ 2,600 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นเม็ดเงินประมาณ 234 ล้านบาท ซึ่งการใช้สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนเกินจำนวนรอบนี้ สะท้อนว่าผู้ถือหุ้น
ให้ความมั่นใจ และเชื่อมั่นต่อ WAT ว่าจะสามารถขยายตัวต่อไปในอนาคต รวมถึงทิศทางของผลประกอบการที่กลับมาเทิร์นอะราวนด์ได้
อนึ่ง WAT ได้จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม (Right Offering) จำนวน 10,240 ล้านหุ้น ในอัตราส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 4 หุ้นใหม่ ราคาหุ้นละ 0.09 บาท โดย WAT มีแผนนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนลงทุนในโครงการโฮมออฟฟิศ และคอนโดมิเนียม โคลเวอร์ (Clover) ลาดพร้าว 83 มูลค่าโครงการประมาณ 170 ล้านบาท ซึ่งในปัจจุบัน มียอดจองเข้ามาแล้วมากกว่า 50% และอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า รวมถึงการก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียมระดับพรีเมียม บริเวณทองหล่อ (สุขุมวิท 55) ที่ได้ดำเนินการซื้อที่ดินเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในไตรมาส 3 ปีนี้ และรับรู้รายได้ในปลายปี 2557 มูลค่าโครงการประมาณ 540 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะเช่าพื้นที่ประมาณ 30 ไร่ บนถนนบางนา-ตราด เพื่อสร้างเป็นคลังสินค้า (Warehouse) พื้นที่ประมาณ 25,000 ตารางเมตร เพื่อสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอในระยะยาวให้แก่บริษัทฯ ต่อไป
“รู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ถือหุ้นให้ความมั่นใจต่อบริษัทฯ และใช้สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนเกินสิทธิเข้ามา ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อ WAT และเงินทุนที่ได้รับมาครั้งนี้จะทำให้บริษัทฯ มีฐานทุนที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยเม็ดเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนรอบนี้อยู่ที่ประมาณ 921 ล้านบาท จะนำไปใช้ขยายลงทุนให้เกิดประโยชน์มากที่สุด และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างผลตอบแทนกลับมาสู่ผู้ถือหุ้นให้เร็วที่สุด และสร้างผลประกอบการให้แข็งแกร่ง และมั่นคงในระยะยาว” นายสิริวัฒน์กล่าว