จับตาราคาหุ้นแสนสิริช่วงปลายปี! “เศรษฐา ทวีสิน” เผยเป้าโอนส่งมอบที่อยู่อาศัย 7,500 ยูนิต จาก 69 โครงการ ภายในปี 56 ระบุช่วงเดือนที่เหลือของปีนี้มีเป้ายอดโอนบ้าน-คอนโดฯ อีก 26,000 ล้านบาท จากทั้งปีที่วางไว้ 34,000 ล้านบาท ชี้ครึ่งปีหลังคอนโดฯ พร้อมโอน 11 โครงการ คาดดันพอร์ตรายได้แนวสูงเพิ่มขึ้น ส่วนแนวราบทยอยตามเฟส เดินหน้าเพิ่มสัดส่วนการพัฒนาโครงการด้วยระบบพรีคาสให้มากขึ้น
นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากที่แสนสิริ ได้เปิดตัวการขายโครงการที่อยู่อาศัยแบบครบวงจร ทั้งโครงการคอนโดมิเนียม, โครงการบ้านเดี่ยว, โครงการทาวน์เฮาส์ โฮมออฟฟิศ ชอปเฮาส์ รวมถึงคอนโดมิเนียมตากอากาศได้อย่างครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้าในทุกระดับราคา โดยมีการสร้างแบรนด์และการรับรู้เกี่ยวกับโครงการที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้โครงการที่อยู่อาศัยทุกประเภทประสบความสำเร็จในด้านการขายเป็นอย่างมาก เห็นได้จากยอดขายที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมากในแต่ละปี โดยในปี 2556 นี้ บริษัทเตรียมโอนส่งมอบที่อยู่อาศัยเพื่อตอบรับ Real Demand หรือความต้องการที่อยู่อาศัยจริงที่พร้อมเข้าอยู่อาศัยอีกเป็นจำนวนรวมถึง 7,500 ยูนิต จาก 69 โครงการทั่วประเทศโดยหลังจากนี้จะมีการจัดกิจกรรมเพื่อต้อนรับสมาชิกของครอบครัวของ Sansiri Family ที่จะมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากในปัจจุบันซึ่งมีอยู่จำนวนถึงกว่า 40,000 ครอบครัว โดยบริษัทประมาณการเกี่ยวกับยอดโอนโครงการที่อยู่อาศัยทุกประเภทที่สร้างเสร็จสมบูรณ์ และพร้อมจะส่งมอบให้แก่ลูกค้าในปีนี้เป็นมูลค่าประมาณ 34,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงเป็นอันดับต้นๆ ของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย
“ความสำเร็จในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแบบครบวงจรของแสนสิรินั้น นอกเหนือจากการสร้างการรับรู้ในแบรนด์สินค้าจนเป็นที่รู้จักของสาธารณชนทั่วไป และความสามารถในการสร้างยอดขายที่สูงในอันดับต้นๆ ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แล้วนั้น การสร้างสรรค์ผลงานให้มีคุณภาพ และได้มาตรฐาน รวมถึงการส่งมอบให้แก่ลูกค้าตามกำหนดเวลาก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน โดยในปีนี้กลุ่มบริษัทแสนสิริมีพันธกิจที่สำคัญที่จะต้องส่งมอบที่อยู่อาศัยให้แก่ลูกค้าตามสัญญาเป็นมูลค่าเกือบ 34,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นยอดการโอนที่สูงมากในอันดับต้นๆ ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยในช่วงที่ผ่านมา บริษัทสามารถสร้างรายได้จากการโอนส่งมอบที่อยู่อาศัยให้แก่ลูกค้าแล้วประมาณ 8,000 ล้านบาท รวมทั้งในช่วงที่เหลือของปีหลังบริษัทยังมีพันธกิจในการโอนส่งมอบที่อยู่อาศัยอีกประมาณ 26,000 ล้านบาท จากการบริหารงานก่อสร้างที่อยู่อาศัยได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพต่อเนื่อง รวมถึงการดำเนินธุรกิจตามแนวทางภายใต้ 6 กุญแจสำคัญที่จะผลักดันสู่ความสำเร็จในปีนี้ ด้านการวางแผนเพิ่มสัดส่วนการพัฒนาโครงการด้วยระบบพรีคาสให้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย” นายเศรษฐากล่าว
สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยของแสนสิริ ที่ขณะนี้มีโครงการที่อยู่ระหว่างการส่งมอบให้ลูกค้าเข้าอยู่อาศัยจริง มีจำนวนทั้งสิ้น 47 โครงการ ได้แก่ โครงการบ้านเดี่ยว จำนวน 21 โครงการ คอนโดมิเนียม จำนวน 14 โครงการ และโครงการทาวน์เฮาส์ รวม 12 โครงการ โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทยังมีโครงการคอนโดมิเนียมที่เตรียมพร้อมจะส่งมอบให้แก่ลูกค้าได้เข้าอยู่อาศัยอีกเป็นจำนวนถึง 11 โครงการ เช่น โครงการออนิกซ์ พหลโยธิน มูลค่าโครงการประมาณ 2,380 ล้านบาท โครงการ เดอะ เบส แจ้งวัฒนะ มูลค่าโครงการ 1,635 ล้านบาท และโครงการ ดีคอนโด ครีก ภูเก็ต มูลค่าโครงการ 935 ล้านบาท เป็นต้น ส่วนของโครงการบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์จะเป็นการก่อสร้าง และส่งมอบบ้านให้แก่ลูกค้าที่เป็นไปตามเฟสต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
“บริษัทประสบความสำเร็จอย่างสูงจากการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยครบวงจร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้นับว่าแสนสิริสามารถเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยที่ประสบความสำเร็จครอบคลุมทุกเซกเมนต์ได้อย่างแท้จริง ตั้งแต่คอนโดมิเนียมแบรนด์ dcondo (ดีคอนโด) และ THE BASE (เดอะ เบส) คอนโดมิเนียมระดับ Medium-End ในคอลเลกชัน Live with Attitude และคอนโดมิเนียมระดับบนภายใต้ Aesthetic Collection ทาวน์เฮาส์แบรนด์ ทาวน์ อเวนิว ซึ่งเป็นแบรนด์หลักที่จะเปิดตัวในทำเลต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ ทาวน์เฮาส์ภายใต้แบรนด์ฮาบิทาวน์ ในระดับราคา 2-4 ล้านบาท รวมทั้งแบรนด์ทาวน์เฮาส์ใหม่ล่าสุด เมท ทาวน์ ในระดับราคา 1.5 ล้านบาท บ้านเดี่ยวระดับบนแบรนด์นาราสิริ บ้านเดี่ยวระดับกลาง - บนภายใต้แบรนด์เศรษฐสิริ บ้านเดี่ยวระดับกลางแบรนด์บุราสิริ-สราญสิริ และฮาบิเทีย รวมถึงบ้านเดี่ยวแบรนด์ใหม่ล่าสุด คณาสิริ ซึ่งมีระดับราคาขาย 3 ล้านบาทขึ้นไป โฮมออฟฟิศ แบรนด์บีแสควร์ และชอปเฮาส์ แบรนด์บีอเวนิว เป็นต้น ซึ่งความสำเร็จดังกล่าวจะส่งผลที่ดีต่อยอดขาย และรายได้ในอนาคตต่อไป” นายเศรษฐากล่าว
สำหรับมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด ณ 31 มี.ค.56 อยู่ที่ 30,415.10 ล้านบาท รายได้ประมาณ 5,214.85 ล้านบาท มีผลขาดทุนสุทธิ 86.47 ล้านบาท ขณะที่ราคาหุ้นล่าสุด เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.56 อยู่ที่ 3.34 บาท