“เอสพีซีจี” เตรียมปรับโครงสร้างทางการเงินใหม่ คาดแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3 รับแปลงสภาพวอร์แรนต์ในไตรมาส 3 คาดปีนี้รายได้ 2.4 พันล้านบาท ส่วนปีหน้า 4 พันล้าน จากทุกโครงการโซลาร์ เซลล์แล้วเสร็จ ส่วนการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อใช้รีไฟแนนซ์หนี้ 3.3 พันล้าน รองรับแผนจ่ายปันผลในปีหน้า “ด้านพลังงานบริสุทธิ์” คุยหลังหุ้นบริษัทดันเข้า MSCI มีนักลงทุนไทย และเทศให้ความสนใจเพิ่มมากขึ้น
น.ส.วันดี กุญชรยาคง ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เอสพีซีจี หรือ SPCG กล่าวว่า ในปี 2556 นี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ที่ 2.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 1.2 พันล้านบาท โดยในช่วงปลายปีนี้บริษัทจะสามารถรับรู้รายได้จากโครงการโซลาร์ ฟาร์ม 36 โครงการ ที่จะแล้วเสร็จครบทั้งหมดภายในเดือนตุลาคมปีนี้ โดยคาดว่าถ้าทุกโครงการแล้วเสร็จ คาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นเป็น 4 พันล้านบาท ในปี 2557 หลังจากรับรู้รายได้โซลาร์ ฟาร์มเต็มที่ทั้งปี และยังมีรายได้จากจากโซลาร์ รูฟ (แผงพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนหลังคา) เข้ามาด้วย ขณะเดียวกัน ยังได้เตรียมที่จะเซ็นสัญญาความร่วมมือกับเคียวเซร่าเพื่อพัฒนาโซลาร์ ฟาร์ม ในประเทศอินโดนีเซีย และซาอุดีอาระเบีย
สำหรับเงินที่ได้จากการขายวอร์แรนต์ และจัดตั้ง infrastructure fund บริษัทมีแผนนำไปใช้ในการชำระหนี้ในส่วนของเงินกู้มาเพื่อลงทุนประมาณ 3.3 พันล้านบาท อีกทั้งการลงทุนโครงการใหม่ๆ เพิ่มเติม รวมถึงจะสามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่นักลงทุนได้ไม่น้อยกว่า 35% ของกำไรสุทธิ โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มจ่ายเงินปันผลได้ในปี 2557 เนื่องจากในการก่อหนี้เงินกู้ จำนวน 3.3 พันล้านบาท มีเงื่อนไขว่าไม่สามารถนำเงินที่ได้จากการประกอบธุรกิจไปใช้ในการปันผล หรือการประกอบธุรกิจใหม่ๆ จนกว่าจะมีการชำระเงินกู้ให้หมดก่อน
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ เตรียมการที่จะปรับโครงสร้างทางการเงินในไตรมาส 3 โดยจะมีการแปรสภาพวอร์แรนต์เพิ่ม หลังจากที่ได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นในปี 2558 ให้มีสภาพเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท โดยคาดว่าจะได้เงินทุนเข้ามาประมาณกว่า 500 ล้านบาท ขณะเดียวกัน การจัดตั้งกองทุน Infrastructure Fund มูลค่า 5.5 พันล้านบาท คาดว่าจะสามารถบันทึกเป็นกำไรได้ประมาณ 1.4 พันล้านบาท เช่นกัน
“ในสัปดาห์นี้บริษัทฯ จะมีการเซ็นสัญญากับบริษัท เคียวเซร่า ในประเทศญี่ปุ่น เพื่อร่วมกันศึกษาการเข้าไปลงทุนพัฒนาโรงไฟฟ้าโซลาร์ ฟาร์ม ในประเทศอินโดนีเซีย และซาอุดีอาระเบีย ในขณะเดียวกัน ยังอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อที่จะไปลงทุนในพม่าเพิ่มเติมด้วย”
**“EA” มั่นใจโตได้อีกหลังเข้า MSCI
นายอมร ทรัพย์ทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ หรือ EA กล่าวว่า หลังจากที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ Morgan Stanlay Capital International (MSCI) ประกาศเพิ่มหุ้น EA เข้าคำนวณใน MSCI Global Small Cap Incides ตั้งแต่วันที่ 3 มิถุนายนที่ผ่านมา ทำให้บริษัท EA ได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งใน และต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสะท้อนแนวโน้มการเติบโตของบริษัทที่ใช้เครื่องมือทางการเงินที่เหมาะสม โดยการเข้าระดมทุน และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ทำให้สภาพคล่องเข้าเกณฑ์การคำนวณดัชนีในระดับโลก ขณะที่ผลการดำเนินงานของ EA สามารถทำได้ตามเป้าหมายที่เคยประกาศเอาไว้ เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาส 1 มีกำไรสุทธิ 83.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 130.51% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 36.11 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังการผลิต 90 เมกะวัตต์ ที่อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ บนพื้นที่ 1,850 ไร่ ขณะนี้มีความคืบหน้าตามแผนที่วางเอาไว้ โดยคาดว่าจะสามารถติดตั้งแผงโซลาร์ได้ในเดือนกรกฎาคมนี้ หลังจากที่งานด้านโยธา เช่น การปรับพื้นที่ และการทำระบบระบายน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วมดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทำให้มีความเชื่อมั่นว่า โครงการดังกล่าวจะสามารถจ่ายไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ (กฟผ.) ได้ทันตามกำหนดสัญญาภายในวันที่ 1 ธันวาคม 2556 นี้ และจะสามารถรับรู้รายได้ และกำไรเต็มปีตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นไป โดยได้ประมาณการรายได้สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าดังกล่าวที่ 1,586 ล้านบาทต่อปี และกำไรสุทธิ 915 ล้านบาทต่อปี