เผยหมดฤทธิ์รถยนต์คันแรก ตลาดฟิล์มกรองแสงหดตัว 10% ตามการหดตัวของตลาดรถยนต์ ฟิล์มกรองแสง “ล่ามิน่า” หันเพิ่มรายได้จากกลุ่มฟิล์มกรองแสงอาคาร เร่งทำตลาดในครึ่งปีหลังรักษาเป้ารายได้ 800 ล้านบาท เท่ากับปี 55 ระบุผู้ประกอบการรายใหม่เข้าตลาดอื้อ ส่งผลการแข่งขันตลาดฟิล์มกรองแสงปีนี้ทวีความรุนแรงต่อเนื่อง
น.ส.จันทร์นภา สายสมร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทคโนเซล (เฟรย์) จำกัด ผ้านำเข้าและจำหน่ายฟิล์มกรองแสงรถยนต์ และอาคาร ภายใต้แบรนด์ “ลามิน่า” และ “ลูม่าร์” กล่าวว่า การขยายตัวอย่างสูงของตลาดรถยนต์ในปี 2555 เนื่องจากได้รับประโยชน์จากโครงการรถคันแรกของรัฐบาล ส่งผลให้ในปีที่ผ่านมา ตลาดรวมฟิล์มกรองแสงเติบโตกว่า 50% จากปี 2554 หรือมีมูลค่าตลาดรวมสูงถึง 2,100 ล้านบาท แบ่งออกเป็นยอดขายจากตลาดรถยนต์ 95% และตลาดฟิล์มกรองแสงสำหรับอาคาร 5% โดยในส่วนของตลาดรถยนต์นั้นสามารถแบ่งออกเป็นตลาดรถยนต์ป้ายแดง 85% และรถยนต์ป้ายดำ 15%
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่โครงการรถคันแรกหมดไปทำให้ตลาดฟิล์มกรองแสงหดตัวลงตามตลาดรถยนต์ โดยคาดว่าในปี 2556 นี้มูลค่ารวมของตลาดฟิล์มกรองแสงจะหดตัวลดลงประมาณ 10% หรือมีมูลค่าตลาดรวมเท่ากับปี 2554 ขณะเดียวกัน สัดส่วนของตลาดฟิล์มกรองแสงรถยนต์ก็จะปรับตัวเข้าสู่ปกติก โดยจะมียอดขายจากตลาดรถยนต์ป้ายแดง 75-80% และรถยนต์ป้ายดำ 20-25%
“ปกติตลาดรวมฟิล์มกรองแสงรถยนต์จะมีมูลค่ารวมอยู่ที่ประมาณ 1,950 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นตลาดฟิล์มกรองแสงรถยนต์ 95% และตลาดฟิล์มกรองแสงตลาดอาคาร 5%”
ทั้งนี้ การหดตัวของตลาดฟิล์มกรองแสงรถยนต์ ประกอบกับการเข้ามาของกลุ่มผู้ประกอบการฟิล์มกรองแสงรายใหม่ในตลาด ส่งผลให้การแข่งขันในตลาดฟิล์มกรองแสงปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการรายเดิมในตลาดก็หันมาให้น้ำหนักกับตลาดฟิล์มกรองแสงสำหรับอาคารเพิ่มขึ้น เนื่องจากต้องการรักาาระดับรายได้ให้อยู่ในระดับเดียวกับปี 2555 ทำให้การแข่งขันในตลาดฟิล์มกรองแสงทั้งในส่วนของตลาดอาคาร และตลาดรถยนต์รุนแรงมากกว่าปีที่ผ่านมา
“ตลาดฟิล์กรองแสงอาคารนั้นเป็นตลาดที่เข้าถึงยาก เนื่องจากผู้ประกอบการมีทางเลือกมากขึ้น เพราะในปัจจุบัน มีกระจกตัดแสง และกระจกสีต่างๆ เข้ามาให้เลือกจำนวนมาก แต่ก็ยังมีผู้ประกอบการส่วนหนึ่งที่เลือกใช้ฟิล์มกรองแสงเข้าไปติดกระจก เพื่อเพิ่มคุณภาพการใช้งานของ ดังนั้น การทำตลาดแบบเข้าถึงผู้ประกอบการอสังหาฯ จึงทำยากเพราะต้องขึ้นกับการสเปกของสถาปนิก ทางที่ดีที่สุด คือ การสร้างการรับรู้ในตัวสินค้าฟิล์มกรองแสงให้เข้าถึงผู้ประกอการอสังหาฯ และผู้ใช้โดยตรงจึงได้ผลมาหกที่สุด”
น.ส.จันทร์นภา กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าว่าจะมีรายได้รวม 800 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากตลาดฟิล์มกรองแสงรถยนต์ 740 ล้านบาท และรายได้จากตลาดฟิล์มกรองแสงอาคาร 60 ล้านบาท หรือมีแชร์ตลาดรวมที่ 33% เพิ่มขึ้นจากปี 2555 ที่มีแชร์ตลาดรวมอยู่ที่ 30% โดยในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้จากการขายแล้ว 400 ล้านบาทเศษ อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ บริษัทยังคงต้องเร่งทำตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาระดับรายได้ให้เท่ากับปีที่แล้ว เพราะในช่วงครึ่งปีหลัง การส่งมอบรถยนคันแรกเริ่มหมดลง ทำให้การแข่งขันในตลาดทวีความรุนแรงมากขึ้น