ข่าวในประเทศ-ลามิน่า เตือนผู้บริโภคระวังฟิล์มกรองแสงที่ไม่ได้มาตรฐาน หลังผู้จำหน่ายแห่นำสินค้าเข้าไทยรับอุตสาหกรรมยานยนต์ขยายตัว ลั่นเดินหน้าสานต่อกิจกรรมการตลาด 360 องศา หวังรักษายอดการเติบโตเหนือตลาด 10% พร้อมยกทัพสินค้าบุกงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์
จันทร์นภา สายสมร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทคโนเซล (เฟรย์) จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันแนวโน้มฟิล์มกรองแสงที่ไม่ได้มาตรฐานจะกลับเข้ามาบุกตลาดประเทศไทยมากขึ้น เป็นผลมาจากการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ในช่วงที่ผ่านมาและต่อจากนี้ไป ที่ตลาดรถยนต์จะมียอดจำหน่ายมากกว่าปีละ 1 ล้านคัน ซึ่งทำให้ความต้องการของตลาดฟิล์มกรองแสงในประเทศไทยจะอยู่ที่ระดับมากกว่า 50 ล้านตารางฟุต หรือคิดเป็นมูลค่าตลาดรวมไม่น้อยกว่า 1,800 - 1,900 ล้านบาท
“สิ่งที่ต้องระมัดระวังคือ การที่ผู้ประกอบการหลายรายเริ่มนำเข้าฟิล์มกรองแสงจากหลากหลายแหล่งผลิตมาแข่งขันในตลาด โดยชูจุดขายทางด้านราคา ไม่เน้นที่เรื่องของคุณภาพฟิล์มและมาตรฐานในการติดตั้ง ซึ่งแน่นอนว่าลูกค้าบางส่วนอาจไม่ได้รับข้อมูลเพียงพอ แล้วหลงเชื่อไปติดตั้งฟิล์มกรองแสงเหล่านั้น”
ขณะเดียวกันหากมองย้อนไปในอดีตจะพบว่าเมื่อตลาดฟิล์มกรองแสงขยายตัว ผู้ประกอบการบางรายที่นำฟิล์มกรองแสงคุณภาพต่ำเข้ามาทำตลาด มักจะใช้กลยุทธ์การตั้งราคาฟิล์มกรองแสงสูงๆ โฆษณาเกินจริง และการสาธิตชวนเชื่อ เพื่อหวังให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดว่าเป็นฟิล์มกรองแสงคุณภาพดี ควบคู่กับการทำโปรโมชั่นส่งเสริมการขายให้กับผู้จำหน่าย เพื่อให้ช่วยโปรโมทสินค้าของตนเอง ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ไม่ส่งผลดีกับผู้บริโภค
จันทร์นภา กล่าวว่า ในส่วนของลามิน่ายังคงยึดมั่นในแผนงานและพันธกิจของบริษัทฯ โดยเฉพาะ L - Fact การให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นจริงกับผู้บริโภค โดยลามิน่าเป็นผู้นำในเรื่องการวัดค่าการป้องกันความร้อนและรังสียูวีจากแสงแดด ซึ่งกลายมาเป็นมาตรฐานในการให้ข้อมูลแก่ผู้บริโภคในประเทศไทยในปัจจุบัน แทนการวัดความร้อนจากสปอตไลท์หรือหลอดอินฟราเรด
สำหรับแผนงานของลามิน่าในปีนี้ จะเน้นการรักษายอดการเติบโตเหนือตลาดไม่น้อยกว่า 10% หรือมียอดจำหน่ายในปีนี้ไม่น้อยกว่า 800 ล้านบาท ซึ่งจะสวนทางกับการคาดการณ์ตลาดฟิล์มกรองแสงรถยนต์ในภาพรวมที่คาดว่าจะหดตัวราว 8 - 9% ตามการหดตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ในปีนี้ ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 33% จากที่มีอยู่ราว 30% ในปีที่ผ่านมา
“บริษัทฯ จะเน้นกลยุทธ์การทำตลาดแบบ 360 องศา โดยจะยังเน้นการเดินหน้าตามพันธกิจความเป็นผู้นำใน 4 ด้าน ประกอบด้วย ด้านนวัตกรรม ด้านการบริการที่เป็นเลิศ ด้านการตอบแทนสังคม และด้านการให้ข้อเท็จจริงเพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องเป็นจริงกับลูกค้า ซึ่งเป็นแนวทางที่บริษัทยึดมั่นมาอย่างเหนียวแน่นตลอดเวลาที่ทำตลาดในประเทศไทย” จันทร์นภา กล่าวและว่า
“ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 34 ที่จัดขึ้นที่อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม - 7 เมษายนนี้ บริษัทฯ ได้ยกทัพสินค้าที่น่าสนใจมาให้ผู้ที่เข้าร่วมชมงานสามารถรับชมและสอบถามรายละเอียดได้อย่างเต็มที่ โดยสามารถพบกันได้ที่บูธหมายเลข เอ 21/3 อาคารชาเลนเจอร์”
จันทร์นภา สายสมร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทคโนเซล (เฟรย์) จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันแนวโน้มฟิล์มกรองแสงที่ไม่ได้มาตรฐานจะกลับเข้ามาบุกตลาดประเทศไทยมากขึ้น เป็นผลมาจากการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ในช่วงที่ผ่านมาและต่อจากนี้ไป ที่ตลาดรถยนต์จะมียอดจำหน่ายมากกว่าปีละ 1 ล้านคัน ซึ่งทำให้ความต้องการของตลาดฟิล์มกรองแสงในประเทศไทยจะอยู่ที่ระดับมากกว่า 50 ล้านตารางฟุต หรือคิดเป็นมูลค่าตลาดรวมไม่น้อยกว่า 1,800 - 1,900 ล้านบาท
“สิ่งที่ต้องระมัดระวังคือ การที่ผู้ประกอบการหลายรายเริ่มนำเข้าฟิล์มกรองแสงจากหลากหลายแหล่งผลิตมาแข่งขันในตลาด โดยชูจุดขายทางด้านราคา ไม่เน้นที่เรื่องของคุณภาพฟิล์มและมาตรฐานในการติดตั้ง ซึ่งแน่นอนว่าลูกค้าบางส่วนอาจไม่ได้รับข้อมูลเพียงพอ แล้วหลงเชื่อไปติดตั้งฟิล์มกรองแสงเหล่านั้น”
ขณะเดียวกันหากมองย้อนไปในอดีตจะพบว่าเมื่อตลาดฟิล์มกรองแสงขยายตัว ผู้ประกอบการบางรายที่นำฟิล์มกรองแสงคุณภาพต่ำเข้ามาทำตลาด มักจะใช้กลยุทธ์การตั้งราคาฟิล์มกรองแสงสูงๆ โฆษณาเกินจริง และการสาธิตชวนเชื่อ เพื่อหวังให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดว่าเป็นฟิล์มกรองแสงคุณภาพดี ควบคู่กับการทำโปรโมชั่นส่งเสริมการขายให้กับผู้จำหน่าย เพื่อให้ช่วยโปรโมทสินค้าของตนเอง ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ไม่ส่งผลดีกับผู้บริโภค
จันทร์นภา กล่าวว่า ในส่วนของลามิน่ายังคงยึดมั่นในแผนงานและพันธกิจของบริษัทฯ โดยเฉพาะ L - Fact การให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นจริงกับผู้บริโภค โดยลามิน่าเป็นผู้นำในเรื่องการวัดค่าการป้องกันความร้อนและรังสียูวีจากแสงแดด ซึ่งกลายมาเป็นมาตรฐานในการให้ข้อมูลแก่ผู้บริโภคในประเทศไทยในปัจจุบัน แทนการวัดความร้อนจากสปอตไลท์หรือหลอดอินฟราเรด
สำหรับแผนงานของลามิน่าในปีนี้ จะเน้นการรักษายอดการเติบโตเหนือตลาดไม่น้อยกว่า 10% หรือมียอดจำหน่ายในปีนี้ไม่น้อยกว่า 800 ล้านบาท ซึ่งจะสวนทางกับการคาดการณ์ตลาดฟิล์มกรองแสงรถยนต์ในภาพรวมที่คาดว่าจะหดตัวราว 8 - 9% ตามการหดตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ในปีนี้ ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 33% จากที่มีอยู่ราว 30% ในปีที่ผ่านมา
“บริษัทฯ จะเน้นกลยุทธ์การทำตลาดแบบ 360 องศา โดยจะยังเน้นการเดินหน้าตามพันธกิจความเป็นผู้นำใน 4 ด้าน ประกอบด้วย ด้านนวัตกรรม ด้านการบริการที่เป็นเลิศ ด้านการตอบแทนสังคม และด้านการให้ข้อเท็จจริงเพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องเป็นจริงกับลูกค้า ซึ่งเป็นแนวทางที่บริษัทยึดมั่นมาอย่างเหนียวแน่นตลอดเวลาที่ทำตลาดในประเทศไทย” จันทร์นภา กล่าวและว่า
“ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 34 ที่จัดขึ้นที่อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม - 7 เมษายนนี้ บริษัทฯ ได้ยกทัพสินค้าที่น่าสนใจมาให้ผู้ที่เข้าร่วมชมงานสามารถรับชมและสอบถามรายละเอียดได้อย่างเต็มที่ โดยสามารถพบกันได้ที่บูธหมายเลข เอ 21/3 อาคารชาเลนเจอร์”