การที่ตลาดรถยนต์ไทยเติบโตแบบมังกรทะยานฟ้า ย่อมส่งผลดีธุรกิจเกี่ยวเนื่องอย่าง “ฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์” จึงไม่แปลกที่ตลาดฟิล์มจะเติบโตแบบก้าวกระโดดไปด้วย แต่สำหรับปีงูเล็ก 2556 ที่ทุกฝ่ายต่างประเมินตลาดรถจะลดลงจากปีที่ผ่านมา แล้วทิศทางตลาดฟิล์มกรองแสงจะเป็นอย่างไร?... “จันทร์นภา สายสมร” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทคโนเซลส์ (เฟรย์) จำกัด ผู้แทนจำหน่ายฟิล์มกรองแสงรถยนต์และอาคาร “ลามิน่า” และ “ลูม่าร์” ในฐานะผู้นำตลาดจะมาให้คำตอบ…
ภาพรวมตลาดฟิล์มกรองแสง
ปีที่ผ่านมานับเป็นปีแห่งความสำเร็จของตลาดรถยนต์ไทย ที่มียอดขายรถใหม่กว่า 1.4 ล้านคัน และทำให้ฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์มีอัตราการเติบโตสูงไปด้วย และเมื่อรวมฟิล์มกรองแสงอาคารแล้ว มีปริมาณติดตั้งจำนวนกว่า 57 ล้านตารางฟุต เพิ่มขึ้นจากปีที่ก่อนหน้า 53% หรือมีมูลค่าตลาดประมาณ 1.93 พันล้านบาท
ทั้งนี้มูลค่าตลาดดังกล่าวเป็นการประเมินเทียบเคียงกับตัวเลขของปี 2554 จากที่ทุกบริษัทได้แจ้งกับกระทรวงพาณิชย์ และประกอบกับข้อมูลของฟิล์มต่างๆ ที่เปิดเผยกับสื่อมวลชนไว้ ซึ่งตัวเลขแท้จริงของปี 2555 จะชัดเจนในช่วงกลางปีนี้ แต่ไม่น่าจะคลาดเคลื่อนจากนี้มากนัก และในปี 2556 หากประเมินจากตลาดรถยนต์รวม 1.2 ล้านคัน ตามที่บริษัทรถยนต์คาดการณ์ไว้ โดยคิดปริมาณ 90% ของรถใหม่ที่ติดฟิล์มในไทย หรือประมาณ 1.08 ล้านคัน และรถติดฟิล์มกรองแสงทดแทนอันเดิมประมาณ 3.8 แสนคัน รวมมีปริมาณการติดฟิล์มกว่า 51 ล้าน ตร.ฟุต (เฉลี่ยใช้ฟิล์มคันละ 35 ตร.ฟุต) และเมื่อรวมกับฟิล์มฯ อาคาร 1.4 ล้าน ตร.ฟุต เท่ากับปริมาณใช้ฟิล์มไป 52.5 ล้าน ตร.ฟุต หรือมีมูลค่าตลาดประมาณ 1.85-1.90 พันล้านบาท เทียบกับปีที่ผ่านมาลดลง 9%
ในส่วนการดำเนินงานลามิน่า
ลามิน่าฟิล์มยังคงครองความเป็นผู้นำตลาดต่อเนื่อง ในปีที่ผ่านมาจำหน่ายฟิล์มกรองแสงทั้งหมดกว่า 17 ล้าน ตร.ฟุต (สัดส่วนเฉพาะอาคารประมาณ 3%) หรือครองส่วนแบ่งการตลาด 30% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 805 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนหน้าที่ทำได้ 583 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49% โดยปีนี้ลามิน่ามุ่งมั่นจะรักษายอดขายไว้ที่ 800 ล้านบาท และเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็น 33% และครองความเป็นผู้นำตลาดฟิล์มกรองแสงอย่างต่อเนื่อง
จุดที่ทำให้ลามิน่าบรรลุเป้า
เนื่องจากภาพรวมตลาดรถยนต์ใหม่ลดลง ทำให้การแข่งขันของตลาดน่าจะรุนแรงขึ้น แต่ลามิน่ายังคงเป้าหมายมูลค่าการขายไว้เท่าหรือใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา และเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าวลามิน่าจะดำเนินกลยุทธ์การทำตลาดแบบ 360 องศา ครอบคลุมทุกๆ ด้าน ผ่านนโยบายความเป็นผู้นำใน 4 ด้าน คือ 1.นวัตกรรม (Lead to Innovation) โดยมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง 2.ด้านการบริการ (Lead to Service) ที่เป็นมาตรฐาน ทั้งพนักงานและช่างผู้เชี่ยวชาญ 3.ด้านพันธกิจตอบแทนสังคม (Lead to CSR) 4. ด้านการให้ข้อเท็จจริง (Lead to Fact) เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องเป็นจริง เพื่อประโยชน์สูงสุดของลูกค้าทุกท่าน ซึ่งตลอดช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้มีการเตรียมความพร้อมอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด พร้อมกันนี้บริษัทได้เตรียมงบประมาณเพื่อใช้สื่อสารการตลาดทั้งสิ้น 60 ล้านบาท
จะมุ่งรุกตลาดไหนเป็นหลัก?
ลามิน่าให้ความสำคัญกับตลาดฟิล์มกรองแสงทุกกลุ่ม แน่นอนปีนี้ภาพรวมตลาดรถยนต์ลดลง ย่อมส่งผลต่อธุรกิจฟิล์มกรองแสงติดรถใหม่ แต่ในส่วนของตลาดฟิล์มแบบทดแทนยังพึ่งได้เสมอ เพราะปกติอายุฟิล์มกรองที่มีคุณภาพจะเฉลี่ยประมาณ 7-8 ปี ซึ่งปีนี้ปริมาณการขายฟิล์มกรองแสงกลุ่มนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 3.8 แสนคัน เพิ่มมากขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มีกว่า 3.5 แสนคัน
ทั้งนี้ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าตลาดรถใหม่จะเติบโตมากแค่ไหนก็ตาม ลามิน่าให้ความสำคัญกับตลาดกลุ่มฟิล์มทดแทนอยู่เสมอ เห็นได้จากปัจจุบันลามิน่ามีตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศทั้งสิ้น 540 ศูนย์ ในจำนวนนี้แบ่งเป็นศูนย์ลามิน่าฟิล์ม เอ็กซ์คลูซีฟ ช็อป 60 ศูนย์ และนอกจากนี้มีช่องการจำหน่ายผ่านโชว์รูมรถยนต์ทั่วประเทศ หรือกลุ่มรถใหม่ไม่น้อยกว่า 1,500 ราย จึงสามารถตอบสนองลูกค้าได้ทุกกลุ่ม
ยังคงเน้นกิจกรรมเพื่อสังคม
ลามิน่ายืนยันที่จะคืนความสุขให้กับสังคมไทยต่อเนื่อง ผ่านโครงการกิจกรรมเพื่อสังคมต่างๆ ใช้งบประมาณปีละ 4-5 ล้านบาท โดยล่าสุดได้ส่งมอบอาคารเรียนหลังใหม่ขนาด 4 ห้องเรียน ในโครงการ “ลามิน่าสานฝันเด็กไทยได้เล่าเรียน” โรงเรียนบ้านวังโพธิ์ จ.นครพนม พร้อมกับเปิดตัวโครงการใหม่ในปีนี้ “ลามิน่า สร้างฝัน ปันรอยยิ้ม” บริจาคชุดยูนิตทันตกรรมแบบเคลื่อนที่ครบชุด ให้กับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ตำบลยอดชาด จ.นครพนม เช่นกัน
ภาพรวมตลาดฟิล์มกรองแสง
ปีที่ผ่านมานับเป็นปีแห่งความสำเร็จของตลาดรถยนต์ไทย ที่มียอดขายรถใหม่กว่า 1.4 ล้านคัน และทำให้ฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์มีอัตราการเติบโตสูงไปด้วย และเมื่อรวมฟิล์มกรองแสงอาคารแล้ว มีปริมาณติดตั้งจำนวนกว่า 57 ล้านตารางฟุต เพิ่มขึ้นจากปีที่ก่อนหน้า 53% หรือมีมูลค่าตลาดประมาณ 1.93 พันล้านบาท
ทั้งนี้มูลค่าตลาดดังกล่าวเป็นการประเมินเทียบเคียงกับตัวเลขของปี 2554 จากที่ทุกบริษัทได้แจ้งกับกระทรวงพาณิชย์ และประกอบกับข้อมูลของฟิล์มต่างๆ ที่เปิดเผยกับสื่อมวลชนไว้ ซึ่งตัวเลขแท้จริงของปี 2555 จะชัดเจนในช่วงกลางปีนี้ แต่ไม่น่าจะคลาดเคลื่อนจากนี้มากนัก และในปี 2556 หากประเมินจากตลาดรถยนต์รวม 1.2 ล้านคัน ตามที่บริษัทรถยนต์คาดการณ์ไว้ โดยคิดปริมาณ 90% ของรถใหม่ที่ติดฟิล์มในไทย หรือประมาณ 1.08 ล้านคัน และรถติดฟิล์มกรองแสงทดแทนอันเดิมประมาณ 3.8 แสนคัน รวมมีปริมาณการติดฟิล์มกว่า 51 ล้าน ตร.ฟุต (เฉลี่ยใช้ฟิล์มคันละ 35 ตร.ฟุต) และเมื่อรวมกับฟิล์มฯ อาคาร 1.4 ล้าน ตร.ฟุต เท่ากับปริมาณใช้ฟิล์มไป 52.5 ล้าน ตร.ฟุต หรือมีมูลค่าตลาดประมาณ 1.85-1.90 พันล้านบาท เทียบกับปีที่ผ่านมาลดลง 9%
ในส่วนการดำเนินงานลามิน่า
ลามิน่าฟิล์มยังคงครองความเป็นผู้นำตลาดต่อเนื่อง ในปีที่ผ่านมาจำหน่ายฟิล์มกรองแสงทั้งหมดกว่า 17 ล้าน ตร.ฟุต (สัดส่วนเฉพาะอาคารประมาณ 3%) หรือครองส่วนแบ่งการตลาด 30% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 805 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนหน้าที่ทำได้ 583 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49% โดยปีนี้ลามิน่ามุ่งมั่นจะรักษายอดขายไว้ที่ 800 ล้านบาท และเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็น 33% และครองความเป็นผู้นำตลาดฟิล์มกรองแสงอย่างต่อเนื่อง
จุดที่ทำให้ลามิน่าบรรลุเป้า
เนื่องจากภาพรวมตลาดรถยนต์ใหม่ลดลง ทำให้การแข่งขันของตลาดน่าจะรุนแรงขึ้น แต่ลามิน่ายังคงเป้าหมายมูลค่าการขายไว้เท่าหรือใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา และเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าวลามิน่าจะดำเนินกลยุทธ์การทำตลาดแบบ 360 องศา ครอบคลุมทุกๆ ด้าน ผ่านนโยบายความเป็นผู้นำใน 4 ด้าน คือ 1.นวัตกรรม (Lead to Innovation) โดยมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง 2.ด้านการบริการ (Lead to Service) ที่เป็นมาตรฐาน ทั้งพนักงานและช่างผู้เชี่ยวชาญ 3.ด้านพันธกิจตอบแทนสังคม (Lead to CSR) 4. ด้านการให้ข้อเท็จจริง (Lead to Fact) เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องเป็นจริง เพื่อประโยชน์สูงสุดของลูกค้าทุกท่าน ซึ่งตลอดช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้มีการเตรียมความพร้อมอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด พร้อมกันนี้บริษัทได้เตรียมงบประมาณเพื่อใช้สื่อสารการตลาดทั้งสิ้น 60 ล้านบาท
จะมุ่งรุกตลาดไหนเป็นหลัก?
ลามิน่าให้ความสำคัญกับตลาดฟิล์มกรองแสงทุกกลุ่ม แน่นอนปีนี้ภาพรวมตลาดรถยนต์ลดลง ย่อมส่งผลต่อธุรกิจฟิล์มกรองแสงติดรถใหม่ แต่ในส่วนของตลาดฟิล์มแบบทดแทนยังพึ่งได้เสมอ เพราะปกติอายุฟิล์มกรองที่มีคุณภาพจะเฉลี่ยประมาณ 7-8 ปี ซึ่งปีนี้ปริมาณการขายฟิล์มกรองแสงกลุ่มนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 3.8 แสนคัน เพิ่มมากขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มีกว่า 3.5 แสนคัน
ทั้งนี้ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าตลาดรถใหม่จะเติบโตมากแค่ไหนก็ตาม ลามิน่าให้ความสำคัญกับตลาดกลุ่มฟิล์มทดแทนอยู่เสมอ เห็นได้จากปัจจุบันลามิน่ามีตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศทั้งสิ้น 540 ศูนย์ ในจำนวนนี้แบ่งเป็นศูนย์ลามิน่าฟิล์ม เอ็กซ์คลูซีฟ ช็อป 60 ศูนย์ และนอกจากนี้มีช่องการจำหน่ายผ่านโชว์รูมรถยนต์ทั่วประเทศ หรือกลุ่มรถใหม่ไม่น้อยกว่า 1,500 ราย จึงสามารถตอบสนองลูกค้าได้ทุกกลุ่ม
ยังคงเน้นกิจกรรมเพื่อสังคม
ลามิน่ายืนยันที่จะคืนความสุขให้กับสังคมไทยต่อเนื่อง ผ่านโครงการกิจกรรมเพื่อสังคมต่างๆ ใช้งบประมาณปีละ 4-5 ล้านบาท โดยล่าสุดได้ส่งมอบอาคารเรียนหลังใหม่ขนาด 4 ห้องเรียน ในโครงการ “ลามิน่าสานฝันเด็กไทยได้เล่าเรียน” โรงเรียนบ้านวังโพธิ์ จ.นครพนม พร้อมกับเปิดตัวโครงการใหม่ในปีนี้ “ลามิน่า สร้างฝัน ปันรอยยิ้ม” บริจาคชุดยูนิตทันตกรรมแบบเคลื่อนที่ครบชุด ให้กับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ตำบลยอดชาด จ.นครพนม เช่นกัน