“เคพี ซอฟท์” เตรียมแต่งตัวเข้าตลาดหุ้นปี 2557 คาดเม็ดเงินระดมทุนไม่ต่ำกว่า 100-200 ล้านบาท ประกาศขอเป็นผู้นำธุรกิจด้านซอฟต์แวร์โซลูชันแบบครบวงจร เล็งสยายปีกขยายฐานลูกค้าต่างประเทศ หวังเพิ่มศักยภาพรับ AEC มั่นใจธุรกิจแข็งแกร่ง พร้อมดันเป้าอัตราการเติบโตปี 56 โต 50% คาดอีก 2-3 ปีข้างหน้า สัดส่วนรายได้แตะ 300 ล้านบาท
นายสมชาย กิติภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคพี ซอฟท์ จำกัด หรือ KP SOFT บริษัทผู้ผลิต พัฒนาและติดตั้งซอฟต์แวร์โซลูชัน Automotive แบบครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ ภายในปี 2557 โดยบริษัทฯ คาดว่าจะเม็ดเงินระดมทุนไม่ต่ำกว่า 100-200 ล้านบาท เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งทางด้านศักยภาพในการขยายการลงทุนด้านซอฟต์แวร์ ในการต่อยอดธุรกิจในอนาคต
โดยเฉพาะแผนในการขยายฐานลูกค้าไปยังตลาดภูมิภาคอาเซียน เช่น สิงคโปร์ เวียดนาม ฮ่องกง เพื่อเพิ่มสัดส่วนตลาดต่างประเทศให้สูงขึ้น โดยบริษัทฯ ได้ บริษัทแอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินในการนำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
ทั้งนี้ KP SOFT มีแผนที่จะขยายธุรกิจผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ ฯลฯ รวมถึงการนำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง พัฒนาคุณภาพซอฟต์แวร์ในระดับโลก และเพื่อรองรับ AEC โดยขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังได้รับสนับสนุนการลงทุนจาก Private Fund ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เป็นเงิน 100 ล้านบาท เพื่อร่วมเป็นพันธมิตร และเตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในปี 2557 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการ “หุ้นใหม่ ความภูมิใจของจังหวัด” จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
“เราเป็นบริษัทฯ ผู้ผลิต พัฒนาและติดตั้งซอฟต์แวร์โซลูชันแบบครบวงจร โดยเป็นผู้นำตลาดซอฟต์แวร์ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ (Automotive) ซึ่งคลอบคลุมทั้งรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ รถแทร็กเตอร์ และกลุ่มเช่าซื้อ/ลีสซิ่งสำหรับธนาคาร และสถาบันการเงิน อีกทั้งบริษัทฯ ยังได้จำหน่าย และติดตั้งซอฟต์แวร์สำหรับระบบ ERP ประเภทต่างๆ รวมถึงระบบงาน HR รวมลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ที่บริษีทฯ ผลิตและพัฒนามากกว่า 20 ประเภท ด้วยมูลค่าทรัยพ์สินทางปัญญามากกว่า 400 ล้านบาท พร้อมด้วยทุนจดทะเบียน 80 ล้านบาท พร้อมด้วยผลงานรางวัลชนะเลิศ Thailand ICT Award 3 ปีซ้อน ตั้งแต่ปี 2010-2012” นายสมชายกล่าว
ทั้งนี้ นอกจากการที่บริษัทฯ จะที่เป็นผู้นำ และผู้ชำนาญการพัฒนาและติดตั้งซอฟต์แวร์ด้านระบบบริหารจัดการธุรกิจยานยนต์ ศูนย์บริการ Dealer Management System (DMS) และระบบเช่าซื้อ/ลีสซิ่งแล้ว โดยมีฐานลูกค้าขนาดใหญ่จำนวนมาก เช่น บริษัทฯผู้ผลิตและจำหน่ายรถประเภทต่างๆ (OEM) และมีปริมาณลูกค้าที่ใช้งานทั่วประเทศรวมไปถึงธนาคาร/สถาบันการเงิน โดยมีจำนวนรถ และมูลค่าสินทรัพย์มากกว่าแสนล้านบาท ที่ถูกบริหารจัดการโดยซอฟต์แวร์ของ เคพี ซอฟท์
สำหรับทิศทางธุรกิจปี 2556 บริษัทฯ มีแผนงานในการต่อยอดผลิตภัณฑ์ให้ครบวงจรทั้ง 2 กลุ่มธุรกิจหลักมากยิ่งขึ้น โดยเพิ่มเติมในส่วนของ CRM, BI, Mobile รวมถึงแผนงานในการเพิ่ม และพัฒนาผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ไปยังตลาดส่วนอื่นๆ เช่น Mobile Application, ERP ซึ่งเป็นการร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภายในประเทศ และต่างประเทศ รวมถึงการทำตลาดซอฟต์แวร์ SaaS (Software as a Service) โดยเป็นการร่วมมือกับ บริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ จำกัด (มหาชน) ในการให้บริการ Cloud Computing ทำให้ปีนี้เป็นโอกาสที่ดีในการขยายธุรกิจซอฟต์แวร์ไปยังกลุ่มต่างๆ มากยิ่งขึ้น ทั้งเป็นการกระจายความเสี่ยงด้านรายได้ไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ ได้อย่างสอดคล้องกับอัตราการขยายตัวของบริษัทฯ ในปีนี้
“ในปี 2556 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายอัตราการเติบโตของรายได้จากปี 2555 เพิ่มขึ้น 50% และคาดการณ์ว่าอัตรากำไรจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการที่บริษัทฯ ได้พัฒนาและต่อยอดผลิตภัณฑ์ รวมถึงการเข้าไปประมูลงานเพิ่มขึ้น ซึ่งในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ธุรกิจจะสามารถเติบโตและมีรายได้มากว่า 300 ล้านบาท” สมชายกล่าว
นายสมชาย กิติภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคพี ซอฟท์ จำกัด หรือ KP SOFT บริษัทผู้ผลิต พัฒนาและติดตั้งซอฟต์แวร์โซลูชัน Automotive แบบครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ ภายในปี 2557 โดยบริษัทฯ คาดว่าจะเม็ดเงินระดมทุนไม่ต่ำกว่า 100-200 ล้านบาท เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งทางด้านศักยภาพในการขยายการลงทุนด้านซอฟต์แวร์ ในการต่อยอดธุรกิจในอนาคต
โดยเฉพาะแผนในการขยายฐานลูกค้าไปยังตลาดภูมิภาคอาเซียน เช่น สิงคโปร์ เวียดนาม ฮ่องกง เพื่อเพิ่มสัดส่วนตลาดต่างประเทศให้สูงขึ้น โดยบริษัทฯ ได้ บริษัทแอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินในการนำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
ทั้งนี้ KP SOFT มีแผนที่จะขยายธุรกิจผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ ฯลฯ รวมถึงการนำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง พัฒนาคุณภาพซอฟต์แวร์ในระดับโลก และเพื่อรองรับ AEC โดยขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังได้รับสนับสนุนการลงทุนจาก Private Fund ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เป็นเงิน 100 ล้านบาท เพื่อร่วมเป็นพันธมิตร และเตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในปี 2557 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการ “หุ้นใหม่ ความภูมิใจของจังหวัด” จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
“เราเป็นบริษัทฯ ผู้ผลิต พัฒนาและติดตั้งซอฟต์แวร์โซลูชันแบบครบวงจร โดยเป็นผู้นำตลาดซอฟต์แวร์ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ (Automotive) ซึ่งคลอบคลุมทั้งรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ รถแทร็กเตอร์ และกลุ่มเช่าซื้อ/ลีสซิ่งสำหรับธนาคาร และสถาบันการเงิน อีกทั้งบริษัทฯ ยังได้จำหน่าย และติดตั้งซอฟต์แวร์สำหรับระบบ ERP ประเภทต่างๆ รวมถึงระบบงาน HR รวมลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ที่บริษีทฯ ผลิตและพัฒนามากกว่า 20 ประเภท ด้วยมูลค่าทรัยพ์สินทางปัญญามากกว่า 400 ล้านบาท พร้อมด้วยทุนจดทะเบียน 80 ล้านบาท พร้อมด้วยผลงานรางวัลชนะเลิศ Thailand ICT Award 3 ปีซ้อน ตั้งแต่ปี 2010-2012” นายสมชายกล่าว
ทั้งนี้ นอกจากการที่บริษัทฯ จะที่เป็นผู้นำ และผู้ชำนาญการพัฒนาและติดตั้งซอฟต์แวร์ด้านระบบบริหารจัดการธุรกิจยานยนต์ ศูนย์บริการ Dealer Management System (DMS) และระบบเช่าซื้อ/ลีสซิ่งแล้ว โดยมีฐานลูกค้าขนาดใหญ่จำนวนมาก เช่น บริษัทฯผู้ผลิตและจำหน่ายรถประเภทต่างๆ (OEM) และมีปริมาณลูกค้าที่ใช้งานทั่วประเทศรวมไปถึงธนาคาร/สถาบันการเงิน โดยมีจำนวนรถ และมูลค่าสินทรัพย์มากกว่าแสนล้านบาท ที่ถูกบริหารจัดการโดยซอฟต์แวร์ของ เคพี ซอฟท์
สำหรับทิศทางธุรกิจปี 2556 บริษัทฯ มีแผนงานในการต่อยอดผลิตภัณฑ์ให้ครบวงจรทั้ง 2 กลุ่มธุรกิจหลักมากยิ่งขึ้น โดยเพิ่มเติมในส่วนของ CRM, BI, Mobile รวมถึงแผนงานในการเพิ่ม และพัฒนาผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ไปยังตลาดส่วนอื่นๆ เช่น Mobile Application, ERP ซึ่งเป็นการร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภายในประเทศ และต่างประเทศ รวมถึงการทำตลาดซอฟต์แวร์ SaaS (Software as a Service) โดยเป็นการร่วมมือกับ บริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ จำกัด (มหาชน) ในการให้บริการ Cloud Computing ทำให้ปีนี้เป็นโอกาสที่ดีในการขยายธุรกิจซอฟต์แวร์ไปยังกลุ่มต่างๆ มากยิ่งขึ้น ทั้งเป็นการกระจายความเสี่ยงด้านรายได้ไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ ได้อย่างสอดคล้องกับอัตราการขยายตัวของบริษัทฯ ในปีนี้
“ในปี 2556 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายอัตราการเติบโตของรายได้จากปี 2555 เพิ่มขึ้น 50% และคาดการณ์ว่าอัตรากำไรจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการที่บริษัทฯ ได้พัฒนาและต่อยอดผลิตภัณฑ์ รวมถึงการเข้าไปประมูลงานเพิ่มขึ้น ซึ่งในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ธุรกิจจะสามารถเติบโตและมีรายได้มากว่า 300 ล้านบาท” สมชายกล่าว
