ศุภาลัยเทกโอเวอร์สำนักงานให้เช่ากลางกรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์ มูลค่า 1,000 ล้าน คาดเก็บค่าเช่าได้ปีละ 100 ล้าน ด้านผู้บริหารเผยสนใจซื้ออาคารสำนักงานในไทยเพิ่ม หวังเพิ่มพอร์ตรายได้จากค่าเช่า ชี้เสี่ยงต่ำ ขณะที่เตรียมชะลอแผนลงทุนคอนโดฯ ในบางจังหวัด เหตุแข่งขันสูง ค่าที่แพง หวั่นโอเวอร์ซัปพลาย พร้อมส่งบ้านแนวราบลุยตลาดแทน
แหล่งข่าวจากวงการอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เข้าซื้อกิจการ (เทกโอเวอร์) สำนักงานในกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ขนาด 2,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) มูลค่า 1,000 ล้านบาท โดยสำนักงานดังกล่าวได้เปิดให้บริการแล้ว ปัจจุบันมีผู้เช่าเต็ม โดยหลังจากที่ศุภาลัยจ่ายเงินเรียบร้อยก็จะสามารถเก็บค่าเช่าได้เลย เฉลี่ยปีละประมาณ 100 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้ นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัยฯ กล่าวว่า สนใจดำเนินธุรกิจใหม่ คือ การให้เช่าออฟฟิศในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อสินทรัพย์เข้ามาบริหาร สาเหตุที่มองธุรกิจให้เช่าเนื่องจากมองว่าจะให้ผลตอบแทนดี และมีความเสี่ยงต่ำ ไม่ต้องใช้เงินลงทุนสูง คาดจะใช้เงินลงทุนไม่ถึง 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นรายได้ที่เข้ามาเสริมรายได้จากการขาย ส่วนการลงทุนต่างประเทศนั้น เป็นไปตามการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)
ด้าน นายอธิป พีชานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัยฯ กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดคอนโดมิเนียมมีการเติบโตอย่างร้อนแรงมาก ทั้งจากการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง ตามความต้องการที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคคนไทย ที่หันมายอมรับการอยู่อาศัยในคอนโดฯ เนื่องจากสะดวกสบาย ซึ่งการเติบโตดังกล่าวกระจายไปอยู่ในหัวเมืองท่องเที่ยว หัวเมืองเศรษฐกิจในภูมิภาคของประเทศ
“ขณะนี้เริ่มเห็นการซื้อของต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีนเข้ามาซื้อห้องชุดในคอนโดฯ ของผู้ประกอบการไทยแบบยกชั้น โดยเป็นการซื้อผ่านนายหน้าของไทย เพื่อนำไปปล่อยเช่าต่อ บางรายเข้ามาลงทุนพัฒนาโครงการขายให้แก่ชาวจีนด้วยกัน นอกจากนี้ การเปิดAEC จะทำให้ตลาดอสังหาฯ ของไทยเปลี่ยน โดยจะมีการซื้อจากต่างชาติเข้ามาเพิ่มขึ้น ทั้งซื้อเพื่อลงทุน และอยู่อาศัย โดยจะเน้นไปที่ตลาดบนแต่มีจำนวนไม่มากนัก”
อย่างไรก็ตาม ตลาดที่อยู่อาศัยในต่างจังหวัดยังเป็นที่น่าสนใจ แต่ต้องระมัดระวังเรื่องอุปทานในบางจังหวัด เพราะมีผู้ประกอบการเข้าไปลงทุนจำนวนมาก เกิดการแย่งซื้อที่ดิน ดันให้ราคาที่ดินขยับขึ้นไปสูงจนเกินความเป็นจริง เช่น ภูเก็ต บางทำเลปรับขึ้นไปกว่า 100% แต่โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 20-30% นอกจากนี้ ภาวะการขายของตลาดคอนโดฯ ในภูเก็ตยังมีการชะลอตัวลง เนื่องจากมีสินค้าจำนวนมาก ดังนั้น บริษัทจึงชะลอการลงทุนคอนโดฯ ในภูเก็ต
“หลังจากนี้จะพิจารณาเป็นรายทำเล โดยจังหวัดที่มีการแข่งขันสูงจะไม่เข้าไปลงทุน และการที่ผู้ประกอบการแห่เข้าไปลงทุนเปิดโครงการจำนวนมาก อาจทำให้เกิดภาวะโอเวอร์ซัปพลายได้ ดังนั้น ตลาดต่างจังหวัด บริษัทจะเน้นพัฒนาสินค้าประเภทแนวราบเป็นหลัก ในรัศมี 7-8 กิโลเมตรรอบๆเมือง”