หุ้นไทยปิดลบ 23.81 จุด ก่อนหยุดยาว 3 วันทำการ โบรกฯ ยอมรับดัชนีร่วงแรงตามตลาดโลก กังวล ศก.จีนอ่อนแอ ตัวเลข ศก.ญี่ปุ้นต่ำกว่าคาดการณ์ แถมด้วย “เฟด” จ่อลดวงเงินซื้อบอนด์ ด้านเงินบาทปิดตลาดที่ 29.90-29.95 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าเล็กน้อย ส่วนทองคำปรับ 9 ครั้ง เพิ่มขึ้น 100 บาท
ภาวะตลาดหุ้นไทย วันนี้ (23 พ.ค.) ดัชนีปิดตลาดที่ระดับ 1,607.46 จุด ปรับลดลง 23.81 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -1.46% มูลค่าการซื้อขาย 78,134.46 ล้านบาท ทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ ซึ่งวันนี้ปรับลงอย่างหนักกันถ้วนหน้า
ด้านสัดส่วนการลงทุน นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 563.20 ล้านบาท พอร์ต บล. ขายสุทธิ 3,148.11 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 3,100.73 ล้านบาท และนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 6,812.05 ล้านบาท
นักวิเคราะห์ยอมรับว่า ดัชนีหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง ตามทิศทางตลาดในต่างประเทศ จากความกังวลตัวเลขเศรษฐกิจจีนอ่อนแอ และธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เตรียมลดวงเงินโครงการซื้อคืนพันธบัตร โดยระหว่างชั่วโมงการซื้อขายดัชนีต่ำสุดที่ 1,582.76 จุด ลดลงเกือบ 50 จุด และปรับตัวสูงสุดที่ 1,629.57 จุด ก่อนปิดตลาดที่ 1,607.46 จุด ลดลง23.81 จุด หรือ 1.46%
นายกวี ชูกิจเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ดัชนีปรับตัวลงเกือบ 50 จุด มาจากปัจจัยต่างประเทศกดดันตลาด ทั้งสหรัฐฯ ที่จะยุติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเร็วกว่าที่คาด รวมถึงการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของจีนเมื่อเช้านี้ ดัชนี PMI เดือนเมษายนลดลงมาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 50 จุด เเป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปี สะท้อนการหดตัวในภาคอุตสาหกรรม ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลดลง
นอกจากนี้ อัตราการเติบโตเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่นออกมา 3.5% ต่ำกว่าคาดการณ์ ทั้งที่ดำเนินนโยบายเพิ่มสภาพคล่องเหมือนสหรัฐฯ ส่งผลให้ดัชนีนิกเกอิของญี่ปุ่น ปรับตัวลงกว่า 1,143 จุด หรือ 7.32%
กลยุทธ์การลงทุนในระยะกลาง นักลงทุนสามารถทยอยซื้อสะสมได้ที่แนวรับ 1,580 จุด แนวรับถัดไป 1,550 จุด เชื่อว่าสุดท้ายแล้วดัชนีจะปรับตัวขึ้นมาได้อีก เนื่องจากการปรับลดลงในครั้งนี้เป็นการขายของนักลงทุนต่างชาติ ในขณะที่ปัจจัยพื้นฐานไม่ได้เปลี่ยนแปลง
ส่วนค่าเงินบาท วันนี้ ปิดตลาดการซื้อขายวันนี้อ่อนค่าลงต่อเนื่อง ปิดที่ 29.90-29.95 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงไปเล็กน้อยจากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 29.90-29.93 บาท ต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยระหว่างวันเงินบาทอ่อนค่าสุดที่ระดับ 30.05-30.07 บาท ต่อ ดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น หลังมีความกังวลว่าเฟดจะลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเร็วกว่าที่คาด
ขณะที่ราคาทองคำผันผวนเปลี่ยนแปลงทั้งหมด 9 ครั้ง ปรับเพิ่มขึ้น 100 บาท ทองคำแท่งขายออก 19,700 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 20,100 บาท
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
1.TRUE ปิด 10.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท มูลค่าซื้อขาย 4,799.47 ล้านบาท
2.INTUCH ปิด 92.75 บาท ลดลง 0.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 3,155.88 ล้านบาท
3.JAS ปิด 9.55 บาท ลดลง 0.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 3,041.91 ล้านบาท
4.BAY ปิด 35.50 บาท ลดลง 0.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 3,011.95 ล้านบาท
5.KBANK ปิด 214 บาท ลดลง 6 บาท มูลค่าซื้อขาย 2,784.27 ล้านบาท