การเคหะฯ เดินหน้าสานฝันพัฒนาอหสังหาฯ เชิงพาณิชย์ เล็งเสนอแผนพัฒนาที่อยู่อาศัย Package 1 จำนวน 96 โครงการขนาด 50,205 ยูนิต ต่อสภาพัฒน์ 3 มิ.ย.นี้ คาดใช้เวลา 2 เดือนได้ข้อสรุปก่อนเสนอ ครม.อนุมัติ แจงโครงการ Package 1 กว่า 90% ขายลูกค้ารายได้ระดับกลาง-ล่าง อีก 10% ขายตลาดกลาง-บน
นางอำภา รุ่งปิติ รองผู้ว่าการ รักษาการแทนผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) เปิดเผยว่า ยังเดินหน้าดำเนินการโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย Package 1 จำนวน 96 โครงการ ขนาด 50,205 ยูนิต ซึ่งในเรื่องดังกล่าว กคช. มีความพร้อมทั้งเรื่องของศักยภาพที่ดินที่ตั้งโครงการ และมีฐานข้อมูลลูกค้าในมือ ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้ทำการศึกษาวิจัยและทำการตลาด ได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างมากว่ามีความต้องการที่อยู่อาศัยโครงการของการเคหะฯ ทุกโครงการ
โดยในวันที่ 3 มิถุนายนนี้ การเคหะฯ จะนำเสนอสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) คาดว่าจะใช้ระยะเวลาการพิจารณาประมาณ 2 เดือน ก็จะทราบผล หลังจากนั้นสภาพัฒน์จะนำเสนอเรื่องต่อที่คณะรัฐมนตรีพิจารณาและอนุมัติอีกครั้ง ซึ่งหากได้รับการอนุมัติจาก ครม. การเคหะฯ จะดำเนินการเปิดขายโครงการในทันที โดยโครงการที่เสนอไปนั้นเป็นของปี 2556-2559 รวมระยะเวลาดำเนินงานโดยประมาณ 4 ปี โดยภายในปี 2556 จะทำการเปิดขายทั้งหมด 22 โครงการก่อน จำนวน 7,812 หน่วย และภายในปี 2557 ก็จะเปิดโครงการต่อเนื่องทันทีอีก 30 โครงการ จำนวน 14,218 หน่วย และภายในปี 2558-2559 ก็จะทำการเปิดขายส่วนที่เหลือ
สำหรับโครงการที่นำเสนอไปยังสภาพัฒน์นั้น แบ่งเป็น โครงการพอร์ตที่ 1 คือ โครงการสำหรับกลุ่มลุกค้าที่มีรายได้ระดับกลาง-ล่าง ประมาณ 90% ของปริมาณบ้านที่ต้องสร้างเพื่อขาย ส่วนพอร์ตที่ 2 อีก 10% จะเป็นโครงการสำหรับกลุ่มลูกค้ารายระดับกลาง-บน ซึ่งโครงการนี้จะเป็นโครงการที่หารายได้เข้าการเคหะฯ เป็นหลัก
โดยโครงการพอร์ตที่ 1 นั้นจะประกอบด้วย อาคารชุด ขนาด 32 33 ตารางเมตร (ตร.ม.) บ้านแนวราบ ขนาดเนื้อที่ 21-25 ตารางวา โดยมีราคาขายเฉลี่ย 750,000 บาท ส่วนโครงการพอร์ตที่ 2 ราคาจะสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่ารูปแบบของโครงการดังกล่าวจะมีระดับมาตรฐานในการก่อสร้างโครงการสูงเทียบเท่าเอกชน วัสดุที่ใช้สร้างบ้านต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
สำหรับโครงการพอร์ตที่ 1 จะมีทั้งในกรุงเทพฯ คือ บางขุนเทียน, ลาดกระบัง และต่างจังหวัด จะมีที่เชียงใหม่, พะเยา, พิษณุโลก, นครราชสีมา, กาฬสินธุ์, หนองคาย, บุรีรัมย์, กระบี่, ภูเก็ต, จันทบุรี และอยุธยา ส่วนโครงการพอร์ตที่ 2 ซึ่งจะเป็นโครงการที่สร้างรายได้เข้าการเคหะแห่งชาติ จะมีโครงการก่อสร้างอยู่ในกรุงเทพ คือ บางกะปิ, ปากเกร็ด (นนทบุรี) แปดริ้ว, อยุธยา, ภูเก็ต, และชลบุรี เป็นหลัก
นางอำภา กล่าว่า ส่วนแหล่งเงินในการก่อสร้างโครงการดังกล่าว กคช.ได้เจรจากับธนาคารอาคารสงเคราะห์ ในการสนับสนุนทางการเงิน เพราะการเคหะแห่งชาติ เป็นหน่วยงานของภาครัฐซึ่งทำหน้าที่สร้างที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้มีรายได้น้อยได้มีบ้านเป็นของตัวเอง และแหล่งเงินก็ควรเป็นสถาบันการเงินของรัฐบาลเช่นกัน เพราะรัฐบาลจะต้องค้ำประกันเงินกู้อยู่แล้ว เพื่อเป็นการรับประกันว่าบ้านในทุกโครงการที่สร้างขึ้นผู้ซื้อจะได้บ้านตามกำหนดอย่างแน่นอน
สำหรับความคืบหน้าในการขายที่ดินของการเคหะฯ หลังจากที่ประกาศขายที่ดิน 6 แปลง มีผู้สนใจยื่นซองเสนอราคามาแล้ว 4 แปลง เหลืออีก 2 แปลง ที่ยังรอการขายอยู่ อย่างไรก็ตาม หากขายที่ดินทั้ง 6 แปลงได้หมด จะทำให้ทางการเคหะแห่งชาติมีรายได้เข้ามาอีกกว่า 600 ล้านบาท ส่วนการขายอาคารพร้อมที่ดินในโครงการบางพลี ที่จังหวัดสมุทรปราการ ให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ล่าสุด ยังอยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งหากยังไม่มีข้อสรุปภายในสิ้นเดือนนี้