การเคหะฯ เร่งเครื่องก่อสร้างบ้านเอื้ออาทร พร้อมแบ่งเฟสขายลูกค้าหวังเร่งยอดขาย-ส่งมอบบ้านให้ลูกค้าครบ 17,000 หน่วยตามเป้า หลัง 6 เดือนทำยอดขาย 10,780 ยูนิต หวั่นไตรมาส 3 เข้าสู่ฤดูฝนติดปัญหาการก่อสร้าง-ขาย พร้อมให้ความสำคัญโครงการขายยาก ปรับวิธีทำตลาดเปิดขายแบบไม่มีวันหยุด
นางพรรณสุภา ยุทธภัณฑ์บริภาร รองผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) กล่าวว่า ภาพรวมการขายโครงการบ้านเอื้ออาทร ในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา สามารถทำยอดขายได้แล้ว 10,780 หน่วย จากเป้าการขายที่วางไว้ทั้งปี 17,000 หน่วย อย่างไรก็ตาม ในจำนวนการขายดังกล่าว มีส่วนหนึ่งที่ดำเนินการในรูปแบบเช่าซื้อ จำนวน 975 หน่วย และส่วนหนึ่งเป็นรูปแบบการปล่อยเช่า จำนวน 668 หน่วย
ทั้งนี้ สาเหตุที่ กคช. ยังไม่สามารถทำยอดขายได้ตามเป้าหมาย เพราะมีโครงการบ้านเอื้ออาทรที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างเสร็จตามแผนที่กำหนดไว้ยังมีการก่อสร้างล่าช้าอยู่ แต่ กคช.ก็ได้แก้ปัญหาโดยการแบ่งการส่งมอบห้องชุดออกเป็นเป็นเฟสๆ ไป เพื่อช่วยให้การส่งมอบห้องชุดให้ลูกค้ามีความรวดเร็วมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การเคหะฯ ได้มีการประชุมทุกฝ่ายในการเร่งดำเนินงาน และแบ่งเฟส เพื่อให้การเคหะฯ ทยอยส่งมอบหน่วยที่ก่อสร้างเสร็จทั้งห้องชุด และระบบสาธารณูปโภคไปก่อน ส่วนที่เหลือก็ทยอยส่งมอบความความคืบหน้าอีกครั้งหนึ่ง
“โดยปกติ กคช.จะรอให้งานก่อสร้างโครงการแล้วเสร็จทั้งหมดก่อนจะส่งมอบทีเดียว อย่างไรก็ตาม การเคหะฯ มีความมั่นใจว่าสิ้นปีงบประมาณกันยายน 2556 คาดว่าจะทำได้ตามเป้าที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน”
นางพรรณสุภา กล่าวถึงการขายโครงการบ้านเอื้ออาทร ในไตรมาส 3 นี้ ซึ่งจะเข้าสู่ฤดูฝนว่า ไม่น่าจะเป็นปัญหาและอุปสรรคในการขายโครงการบ้านเอื้ออาทร การเคหะฯ สามารถขายโครงการได้ทั้งในเขตกรุงเทพมหานคร โดยจะเน้นทำการขายกลุ่มโครงการที่ขายยาก และขายต่อเนื่องไม่มีวันหยุด โดยพื้นที่ดังกล่าว ประกอบด้วย โครงการในจังหวัดนครปฐม, สมุทรปราการ และจังหวัดปทุมธานี โดยเปิดขายที่ศูนย์ขายตลอดไม่มีวันหยุด
นอกจากนั้น ทางทีมงานฝ่ายการตลาดได้มีการออกไปรงณรงค์ประชาสัมพันธ์ในหน่วยงานราชการ ซึ่งที่ผ่านมา ก็ได้เข้าไปในสำนักงาน คือ ขนส่งมวลชนกรุงเทพ และการรถไฟฯ นอกจากนี้ การเคหะฯ ยังได้รับความสนใจจากศาลยุติธรรม ซึ่งสนใจโครงการที่นนทบุรี และเชียงใหม่ โดยเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทีมงานศาลยุติธรรมได้เข้าไปดูโครงการแล้ว และในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้ ทีมการตลาดของการเคหะฯ จะเดินทางไปเชียงใหม่อีกครั้ง เพื่อเปิดบูทให้พนักงานศาลยุติธรรมที่เชียงใหม่ทำการลงชื่อจองแจ้งความจำนงไว้ก่อน เพื่อรอการพัฒนาโครงการใหม่ของการเคหะฯ ที่จะดำเนินในเร็วๆ นี้ ทั้งนี้ หลังได้ข้อสรุปงานก่อสร้างโครงการใหม่แล้ว กคช.จะเร่งเปิดขายและจะเรียกผู้ที่ลงชื่อมาทำสัญญาซื้อได้ทันที
นางพรรณสุภา กล่าวถึงความคืบหน้าในการขายที่ดินของการเคหะแห่งชาติว่า หลังจากที่ประกาศขายที่ดิน 6 แปลง มีผู้สนใจยื่นซองเสนอราคามาแล้ว 4 แปลง เหลืออีก 2 แปลง ที่ยังรอการขายอยู่ อย่างไรก็ตาม หากขายที่ดินทั้ง 6 แปลงได้หมด จะทำให้ทางการเคหะแห่งชาติมีรายได้เข้ามาอีกกว่า 600 ล้านบาท ส่วนการขายอาคารพร้อมที่ดินในโครงการบางพลี ที่จังหวัดสมุทรปราการ ให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ล่าสุด ยังอยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งหากยังไม่มีข้อสรุปภายในสิ้นเดือนนี้ การเคหะแห่งชาติ ก็จะประกาศขายให้แก่ผู้สนใจอีกครั้งหนึ่ง
