ผลการดำเนินงานประจำไตรมาสแรก ปี 56 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ทำกำไรสุทธิรวม 1,983 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54.34% เนื่องจากสามารถคุมต้นทุนได้ดี ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 23.01%
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า จากผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1 ปี 2556 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai พบว่ามี 69 บริษัท หรือ 82% มีกำไรสุทธิ โดยทำอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 23.01% สูงกว่าในช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ 19.43% แสดงถึงความสามารถบริหารต้นทุนการขาย และบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 1,983 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54.34% ถึงแม้ว่าทำยอดขายรวม 24,862 ล้านบาท ลดลง 1.43% ก็ตาม ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจที่มีกำไรเติบโตโดดเด่น ได้แก่ ธุรกิจซื้อมาขายไป (Trading) และธุรกิจในภาคการผลิต (Manufacturing)
“สำหรับความกังวลด้านปัจจัยกดดันผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนใน mai ในไตรมาสนี้อันเนื่องมาจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น และการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำตามนโยบายของภาครัฐนั้น พบว่า บริษัทจดทะเบียนใน mai ไม่ได้รับผลกระทบเรื่องค่าเงินเนื่องจากบริษัทส่วนใหญ่ทำธุรกิจในประเทศ ส่วนเรื่องค่าแรงขั้นต่ำนั้นมีผลโดยตรงต่อต้นทุน แต่บริษัทส่วนใหญ่ทยอยปรับตัวมาก่อนหน้านี้แล้ว” นายชนิตรกล่าว
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้สำรวจผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนใน mai พบว่า 1 ใน 4 ของบริษัทจดทะเบียนมีกำไรสุทธิต่อเนื่องอย่างน้อย 8 ไตรมาส นับตั้งแต่เข้าจดทะเบียน ซึ่งแสดงถึงความสามารถในการปรับตัวและบริหารจัดการจากภาวะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเมือง ปัญหาอุกทกภัย และนโยบายค่าแรง โดยมี บมจ.บิซิเนส ออนไลน์ (BOL) สามารถทำกำไรต่อเนื่องสูงสุด 9 ปี หรือ 36 ไตรมาส
ปัจจุบัน มีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) 86 บริษัท ณ วันที่ 21 พฤษภาคม 2556 ดัชนี mai ปิดที่ระดับ 489.21 มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 187,460 ล้านบาท