แนะลดสัดส่วนพอร์ตการลงทุนในทองคำลงให้เหลือประมาณ 5%-10% จากเดิมที่ลงทุน 20%-30% เน้นการเล่นรอบ และลงทุนระยะสั้น และป้องกันความเสี่ยง คาดว่าจนถึงสิ้นปีราคาทองคำจะปรรับตัวขึ้นลงอยู่ในกรอบ 1,450-1,550 บาท/บาททองคำ หากไม่มีสถานการณ์รุนแรง เช่น ภาวะสงคราม และการผ่อนคลายนโยบายการเงินของสหรัฐฯ รวมถึงสงครามค่าเงินบาท
ด้านนายกมลธัญ พรไพศาลวิจิตร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า ผู้ค้าทองคำในตลาดโลกโดยรวมน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,300-1,560 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ และกรอบราคาทองคำในประเทศอยู่ที่บาทละ 18,900-21,900 บาท/บาททองคำ ทั้งนี้ ราคาทองคำจะเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับเดือนเมษายน โดยค่าเงินบาทที่แข็งค่า และความต้องการทองคำในเอเชียที่สูง และการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินของยูโรโซนจะทำให้ราคาทองคำในเดือนพฤษภาคมนี้เป็นต้นไปปรับเพิ่มขึ้นเป็นระยะ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า จากการยกเลิกมาตรการคิวอีของสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะจบในปีนี้ และการขยายตัวต่อเนื่องของกองทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ในประเทศที่จะทำให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ปัจจัยที่มีผลต่อราคาทองคำในเดือนพฤษาภาคม 2556 มีผลมาจากปัจจัยบวกจากกลุ่มผู้ค้าเชื่อว่า ความต้องการทองคำจะเพิ่มขึ้นในระยะสั้นเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำในช่วงเดือนนี้ และการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินของยุโรป หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (ECB) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ทำให้ความกังวลด้านเงินเฟ้อ และการเข้าซื้อเก็งกำไรทองคำมีเพิ่มขึ้นมากขึ้น แต่เชื่อว่าประเด็นนี้จะเป็นปัจจัยหนุนระยะสั้นเท่านั้น โดยมองว่าระยะยาวจะทำให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง และสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ มีการแข็งค่าขึ้นซึ่งจะเป็นผลกระทบต่อราคาทองคำ ด้านปัจจัยเชิงลบ มาจากเงินดอลลาร์สหรัฐ เริ่มกลับมาแข็งค่าอีกครั้งเมื่อเทียบสกุลเงินหลัก หลังจากมีการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่น ( BOJ) และ ECB คาดการณ์ว่า มาตราการเพิ่มสภาพคล่องของธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจสิ้นสุดเร็วขึ้นหลังมีการรายงานตัวเลขด้านการจ้างงานออกมาเชิงบวก และการขายต่อเนื่องของกองทุนขนาดใหญ่เช่น SPDR ที่มีการขายออกกว่า 20% ตั้งแต่ช่วงต้นปีทำให้มีความเป้นไปได้ที่ กองทุน SPDR จะขายทองคำออกมาต่อเนื่อง
ทั้งนี้ คาดว่าในช่วงนี้จนถึงสิ้นปี ราคาทองคำจะเคลื่อนไหวปรับตัวในกรอบระหว่าง 1,450-1,550 บาท หากไม่มีสถานการณ์รุนแรง เช่น ภาวะสงครามในเกาหลี หรือซีเรีย และการผ่อนคลายนโยบายการเงินของสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง จนกระทบต่อประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ รวมถึงสงครามค่าเงินบาท โดยอัตราแลกเปลี่ยนเปรียบเทียบราคาทองคำถ้าเงินบาทอยู่ที่ 28.00 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ราคาทองคำอาจจะลดลงไปอยู่ที่17,500-18,500 บาท และอัตราแลกเปลี่ยน 29.00 บาท/ดอลลาร์ ราคาทองคำจะปรับราคาอยู่ที่ 19,500-20,500 บาท
นายภูษิต วงศ์หล่อสายชล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า ค่าดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำ (Gold Price Sentiment Index) ประจำเดือนพฤษภาคม 2556 อยู่ที่ 45.50 จุด ปรับตัวลดลงจากเดือนเมษายนจากระดับ 52.84 จุด โดยนักลงทุนมีความเชื่อมั่นทองคำลดลง ขณะที่ผู้ค้าทองคำมีความเชื่อว่าราคาทองคำจะมีการฟื้นตัวโดยมีปัจจัยเรื่องค่าเงินแข็งค่าที่จะทำให้ทองคำราคาถูกลง ปัญหาวิกฤตหนี้ยุโรป และการเก็งกำไร ตลอดถึงค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลงเป็นระยะ ที่จะกระทบต่อราคาทองคำในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้
ในส่วนความเชื่อมั่นในไตรมาสที่ 2 ไปจนถึงกลางไตรมาสที่ 3 นั้น กลุ่มนักลงทุนและกลุ่มผู้ค้าทองคำทั้งรายใหญ่ และรายย่อยยังคงมีมุมมองเชิงบวก โดยดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำในช่วง 3 เดือนข้างหน้า ปรับตัวลดลงมาที่ 56.72 จาก 65.06 ในเดือนเมษายน สะท้อนตลาดผู้ลงทุน และผู้ค้าทองคำยังเชื่อมั่นว่าราคาทองคำทำ และทองคำรูปพรรณที่ใช้เพื่อเป็นเครื่องประดับ จะปรับตัวเพิ่มขึ้นตามความต้องการ แต่เกิดความไม่แน่ใจในการปรับขึ้นของราคาทองคำในประเทศ และเป็นแนวโน้มความเชื่อมั่นที่ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 จากเดือนเมษายนโดยมีปัจจัยที่สำคัญ คือ การเก็งกำไร ค่าเงินบาท และวิกฤตหนี้ยุโรป
อย่างไรก็ตาม แนะนำว่าการลงทุนในช่วงนี้ควรลดสัดส่วนพอร์ตการลงทุนในทองคำในระยะนี้ลงให้เหลือประมาณ 5%-10% จากเดิมที่ลงทุน 20%-30% เน้นการเล่นรอบ รวมทั้งปรับเป็นการลงทุนระยะสั้น และป้องกันความเสี่ยงในการลงทุน