ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 2.75% ในวันนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2012 ขณะที่ แนวโน้มเศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอนมากขึ้น และเศรษฐกิจของออสเตรเลียถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ออสเตรเลีย
นอกจากนี้ RBA ยังส่งสัญญาณว่า ทางธนาคารกลางมีโอกาสผ่อนคลายนโยบายต่อไปอีกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อของออสเตรเลียอยู่ที่ระดับต่ำ ขณะที่ดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าอย่างมากเมื่อเทียบกับในอดีต
ทั้งนี้ RBA ได้ประกาศมติดังกล่าวหลังการประชุมนโยบายประจำเดือนในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในผลสำรวจของรอยเตอร์คาดว่า RBA จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 3.0% ในการประชุมครั้งนี้
นายเกลนน์ สตีเวนส์ ผู้ว่าการ RBA กล่าวว่า "คณะกรรมการตั้งข้อสังเกตในช่วงก่อนหน้านี้ว่า แนวโน้มเงินเฟ้อจะเปิดโอกาสให้มีการผ่อนคลายนโยบายต่อไป ถ้าหากมีความจำเป็นต้องหนุนอุปสงค์ให้สูงขึ้น ซึ่งในการประชุมวันนี้ ทางคณะกรรมการก็ได้ตัดสินใจที่จะใช้โอกาสดังกล่าวในบางส่วน"
ดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลง 0.5 เซนต์สหรัฐ สู่ 1.0180 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้สร้างความประหลาดใจต่อนักวิเคราะห์ หลังจากที่เคยคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ธนาคารกลางออสเตรเลียอาจตรึงอัตราดอกเบี้ยเป็นเวลาระยะหนึ่ง ขณะที่นักลงทุนในตลาดคาดการณ์ว่า มีโอกาสราวครึ่งหนึ่งที่ธนาคารกลางจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง และขณะนี้ตลาดก็ยังคงปรับตัวรับการคาดการณ์ที่ว่า จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกหนึ่งครั้งในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า
นายสตีเวนส์ตั้งข้อสังเกตว่า อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำเกินคาดในระยะนี้และอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวของ RBA ซึ่งตั้งไว้ที่ 2-3 % ขณะที่ตัวเลขล่าสุดระบุว่า อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของออสเตรเลียอยู่ที่ 2.4 % ในเดือนมี.ค.เมื่อเทียบรายปี
นางซู-หลิน ออง นักเศรษฐศาสตร์ของบริษัทอาร์บีซี แคปิตัล มาร์เก็ตส์ กล่าวว่า "ดิฉันคิดว่าสิ่งที่กระตุ้นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ คือการที่อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำเกินคาด"
"ขณะนี้ยังไม่มีปัจจัยหลายประการที่บ่งชี้ว่า ธนาคารกลางจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกครั้ง อย่างไรก็ดี เมื่อใดก็ตามที่คุณปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง และมีแนวโน้มที่จะผ่อนคลายนโยบาย สิ่งนี้ก็มีความเป็นไปได้"
ธนาคารเนชั่นแนล ออสเตรเลีย แบงก์ (NAB) ตอบรับอย่างรวดเร็วต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง โดย NAB ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยจำนองลง 0.25 % สู่ 6.13 % โดยธนาคารพาณิชย์รายใหญ่มักปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในระดับที่ไม่มากเท่ากับขนาดการปรับลดของ RBA ในช่วง 2-3 ครั้ง ก่อนหน้านี้
นายสตีเวนส์ระบุว่า ดอลลาร์ออสเตรเลียเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ โดยเขากล่าวว่า ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับในอดีต ถึงแม้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ส่งออกที่สำคัญหลายประเภทของออสเตรเลียร่วงลง
การที่ธนาคารกลางขนาดใหญ่ของประเทศอื่นๆดำเนินมาตรการผ่อนคลายทางการเงินอย่างแข็งกร้าว ส่งผลให้สกุลเงินของประเทศเหล่านั้นร่วงลงในช่วงที่ผ่านมา โดยธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เพิ่งประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยในวันที่ 2 พ.ค. ส่วนธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ได้ดำเนินมาตรการทางการเงินอย่างแข็งกร้าวเช่นกัน ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินเยนอ่อนลงอย่างรุนแรง
ตลาดยังคงคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางออสเตรเลียอาจจะปรับลดอัตรา ดอกเบี้ยลงไปอีกในอนาคต เพราะการลงทุนในภาคเหมืองแร่ที่อยู่ในภาวะเฟื่องฟูมานานแล้ว มีแนวโน้มที่จะแตะจุดสูงสุดและชะลอตัวลงในปีนี้
และขณะนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า ภาคเศรษฐกิจอื่นๆนอกเหนือจากภาคเหมืองแร่จะอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งมากพอที่จะเข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้หรือไม่
นับตั้งแต่การประชุม RBA ในเดือนเม.ย.เป็นต้นมา เศรษฐกิจโลกก็มีแนวโน้มไม่แน่นอนมากยิ่งขึ้น โดยมีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าผิดหวัง ออกมาจากยุโรปและจีน ในขณะที่จีนถือเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดที่รองรับสินค้าส่งออกจากออสเตรเลีย
(ข่าวจาก สำนักข่าว รอยเตอร์)
T.Thammasak
นอกจากนี้ RBA ยังส่งสัญญาณว่า ทางธนาคารกลางมีโอกาสผ่อนคลายนโยบายต่อไปอีกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อของออสเตรเลียอยู่ที่ระดับต่ำ ขณะที่ดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าอย่างมากเมื่อเทียบกับในอดีต
ทั้งนี้ RBA ได้ประกาศมติดังกล่าวหลังการประชุมนโยบายประจำเดือนในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในผลสำรวจของรอยเตอร์คาดว่า RBA จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 3.0% ในการประชุมครั้งนี้
นายเกลนน์ สตีเวนส์ ผู้ว่าการ RBA กล่าวว่า "คณะกรรมการตั้งข้อสังเกตในช่วงก่อนหน้านี้ว่า แนวโน้มเงินเฟ้อจะเปิดโอกาสให้มีการผ่อนคลายนโยบายต่อไป ถ้าหากมีความจำเป็นต้องหนุนอุปสงค์ให้สูงขึ้น ซึ่งในการประชุมวันนี้ ทางคณะกรรมการก็ได้ตัดสินใจที่จะใช้โอกาสดังกล่าวในบางส่วน"
ดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลง 0.5 เซนต์สหรัฐ สู่ 1.0180 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้สร้างความประหลาดใจต่อนักวิเคราะห์ หลังจากที่เคยคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ธนาคารกลางออสเตรเลียอาจตรึงอัตราดอกเบี้ยเป็นเวลาระยะหนึ่ง ขณะที่นักลงทุนในตลาดคาดการณ์ว่า มีโอกาสราวครึ่งหนึ่งที่ธนาคารกลางจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง และขณะนี้ตลาดก็ยังคงปรับตัวรับการคาดการณ์ที่ว่า จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกหนึ่งครั้งในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า
นายสตีเวนส์ตั้งข้อสังเกตว่า อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำเกินคาดในระยะนี้และอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวของ RBA ซึ่งตั้งไว้ที่ 2-3 % ขณะที่ตัวเลขล่าสุดระบุว่า อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของออสเตรเลียอยู่ที่ 2.4 % ในเดือนมี.ค.เมื่อเทียบรายปี
นางซู-หลิน ออง นักเศรษฐศาสตร์ของบริษัทอาร์บีซี แคปิตัล มาร์เก็ตส์ กล่าวว่า "ดิฉันคิดว่าสิ่งที่กระตุ้นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ คือการที่อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำเกินคาด"
"ขณะนี้ยังไม่มีปัจจัยหลายประการที่บ่งชี้ว่า ธนาคารกลางจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกครั้ง อย่างไรก็ดี เมื่อใดก็ตามที่คุณปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง และมีแนวโน้มที่จะผ่อนคลายนโยบาย สิ่งนี้ก็มีความเป็นไปได้"
ธนาคารเนชั่นแนล ออสเตรเลีย แบงก์ (NAB) ตอบรับอย่างรวดเร็วต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง โดย NAB ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยจำนองลง 0.25 % สู่ 6.13 % โดยธนาคารพาณิชย์รายใหญ่มักปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในระดับที่ไม่มากเท่ากับขนาดการปรับลดของ RBA ในช่วง 2-3 ครั้ง ก่อนหน้านี้
นายสตีเวนส์ระบุว่า ดอลลาร์ออสเตรเลียเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ โดยเขากล่าวว่า ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับในอดีต ถึงแม้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ส่งออกที่สำคัญหลายประเภทของออสเตรเลียร่วงลง
การที่ธนาคารกลางขนาดใหญ่ของประเทศอื่นๆดำเนินมาตรการผ่อนคลายทางการเงินอย่างแข็งกร้าว ส่งผลให้สกุลเงินของประเทศเหล่านั้นร่วงลงในช่วงที่ผ่านมา โดยธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เพิ่งประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยในวันที่ 2 พ.ค. ส่วนธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ได้ดำเนินมาตรการทางการเงินอย่างแข็งกร้าวเช่นกัน ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินเยนอ่อนลงอย่างรุนแรง
ตลาดยังคงคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางออสเตรเลียอาจจะปรับลดอัตรา ดอกเบี้ยลงไปอีกในอนาคต เพราะการลงทุนในภาคเหมืองแร่ที่อยู่ในภาวะเฟื่องฟูมานานแล้ว มีแนวโน้มที่จะแตะจุดสูงสุดและชะลอตัวลงในปีนี้
และขณะนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า ภาคเศรษฐกิจอื่นๆนอกเหนือจากภาคเหมืองแร่จะอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งมากพอที่จะเข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้หรือไม่
นับตั้งแต่การประชุม RBA ในเดือนเม.ย.เป็นต้นมา เศรษฐกิจโลกก็มีแนวโน้มไม่แน่นอนมากยิ่งขึ้น โดยมีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าผิดหวัง ออกมาจากยุโรปและจีน ในขณะที่จีนถือเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดที่รองรับสินค้าส่งออกจากออสเตรเลีย
(ข่าวจาก สำนักข่าว รอยเตอร์)
T.Thammasak
