“บางกอกแลนด์” เตรียมตั้งกองทรัสต์เสนอขายนักลงทุน คาดรายได้ 9,000 ล้านบาท เล็งนำเงินลงทุนเพิ่ม ทั้งโครงการบ้านขนาดใหญ่ย่านศรีนครินทร์ ขนาด จำนวน 1.35 หมื่นยูนิต มูลค่าโครงการ 60,000 ล้านบาท พร้อมเตรียมผุดอิมแพคเพิ่มอีก 1 ขนาด 3 แสน ตร.ม. ผุดบัดเจ็ตโฮเต็ล ขนาด 1,000 ห้อง รวมถึงโรงแรมหรูขนาด 600 ห้อง ย่านมักกะสัน คาดปีนี้ใช้เงินลงทุน 4.3 พันล้านบาท
นายอนันต์ กาญจนพาสน์ ประธานกรรการ บริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BLAND กล่าวว่า บริษัทมีแผนขยายการลงทุนเพิ่มทั้งการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างรายได้จากการเช่า และสร้างรายได้จากการขาย โดยเตรียมนำที่ดินสะสมขนาด 1,350 ไร่ ย่านถนนศรีนครินทร์ มาพัฒนาเป็นโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบขนาดใหญ่ ทั้งบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์ จำนวน 13,500 ยูนิต ระดับราคา 4 ล้านขึ้นไป มูลค่ารวม 60,000 ล้านบาท พัฒนาออกเป็น 8 เฟสๆ ละ 1,000-1,500 ยูนิต มูลค่า 7,000-8,000 ล้านบาท คาดใช้เวลาในการพัฒนา 7-10 ปี โดยเฟสแรกเริ่มเปิดตัวในเดือนตุลาคม 56 จำนวน 1,500 ยูนิต มูลค่าโครงการ 7,500 ล้านบาท คาดใช้เม็ดเงินลงทุนในเบื้องต้น 3,000 ล้านบาท
พร้อมกันนี้ บริษัทมีแผนขยายพื้นที่ศูนย์แสดงสินค้าในเมืองทองธานี เพิ่มอีก 1 อาคาร พื้นที่รวมกว่า 3 แสนตารางเมตร (ตร.ม.) เป็นพื้นที่แสดงสินค้า 1 แสน ตร.ม. ที่เหลือเป็นห้องประชุมสัมมนา ห้องจัดเลี้ยง จากที่ปัจจุบันมีพื้นที่แสดงสินค้ารวม 2 แสน ตร.ม. ปัจจุบันพื้นที่ถูกจองเต็มตลอดทั้งปี นอกจากนี้ บางงานยังต้องการพื้นที่ห้องจัดแสดงสินค้าขนาดใหญ่ 1 แสน ตร.ม. เช่น งานมอเตอร์เอ็กซ์โป แต่ที่อิมแพค เมืองทองธานี มีห้องแสดงสินค้าขนาดใหญ่สุดเพียง 6 หมื่น ตร.ม. ในเบื้องต้น จะใช้พื้นที่บริเวณทะเลสาบภายในเมืองทองธานีขนาด 30-40 ไร่ และคาดว่าจะใช้เม็ดเงินลงทุนประมาณ 6,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ที่จะเปิดอย่างเต็มรูปแบบในปี 2558 นี้ ซึ่งเชื่อว่าอิมแพคฯ เป็นศูนย์แสดงสินค้า และการประชุมที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค และสามารถเป็นศูนย์กลาง (ฮับ) ให้แก่ภูมิภาคได้อย่างแน่นอน
แต่อย่างไรก็ตาม โครงการขยายอิมแพคนี้ บริษัทจะรอความชัดเจนของโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูของรัฐบาล ว่า จะเข้ามาจอดเป็นสถานีปลายทางภายในเมืองทองธานีหรือไม่ แต่หากไม่มี บริษัทก็มีแผนที่จะลงทุนระบบขนส่งเชื่อมไปยังสถานีรถไฟ้าที่ไกล้ที่สุด ซึ่งบริษัทพร้อมที่จะลงทุนทันทีหากรัฐบาลมีความชัดเจนด้านการลงทุน
“เราจะทำให้อิมแพค เมืองทองธานี กลายเป็น exhibition convention และ banquet ที่ครบวงจรที่สุด ทั้งศูนย์แสดงสินค้า ห้องสัมมนา โรงแรม ร้านอาหาร ในระดับชั้นนำของโลก ซึ่งทุกวันนี้เราถือว่าใหญ่เป็นอันดับ 1 ของอาเซียน และเป็นที่ 1 ในอาเซียน ซึ่งการลงทุนเหล่านี้ล้วนสร้างรายได้ และกำไรระยะยาว และที่ผ่านมา ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า รายได้จากค่าเช่าจากศูนย์แสดงสินค้า ทำให้เราสามารถฟื้นจากการตกไปอยู่ที่สะดือทะเลขึ้นมาลอยอยู่เหนือน้ำได้ และทำให้จากไม่เคยจ่ายปันผลเลยมากว่า 10 ปี กลับมาจ่ายปันผลได้ปีแรกเมื่อปีที่ผ่านมา และปีนี้ก็จะจ่ายปันผลอีก” นายอนันต์กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนสร้างโรงแรมระดับ 3 ดาว เชน ไอบิช ภายในเมืองทองธานีอีก 1 แห่งขนาด 1,000 ห้อง ใช้เงินลงทุนราว 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นบัดเจ็ต โฮเต็ล แห่งที่ 2 ระดับราคาห้องพักประมาณ 1,000 บาท/คืน รวมถึงการลงทุนพัฒนาศูนย์การค้า “บี ไฮฟ์” ภายในเมืองทองธานี เม็ดเงินลงทุนประมาณ 800 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง
นายอนันต์ กล่าวต่อว่า บริษัทยกเลิกแผนการนำ บริษัทอิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เปลี่ยนมาเป็นการจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) โดยมีสินทรัพย์ เป็นศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี ขนาดกองทุนราว 18,000 ล้านบาท ซึ่ง BLAND จะถือหุ้น 50% ส่วนอีก 50% จะเสนอขายหน่วยลงทุนต่อนักลงทุน โดยเมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทเซ็นสัญญากับธนาคารกสิกรไทย และ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เพื่อทำการจัดตั้งกอง REIT โดยจะเปิดขายในช่วงเดือนกรกฎาคม หรือสิงหาคมนี้คาดวาจะมีราย ได้ 9,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในงวดปีนี้บริษัทจะมีกระแสเงินสดราว 20,000 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากรายได้กอง REIT ประมาณ 9,000 ล้านบาท และรายได้จากผู้ถือหุ้นใชัสิทธิแปลงใบสำคัญแสดงสิทธิ เป็นหุ้นสามัญ (วอร์แรนต์) 13,000 ล้านบาท โดยกำหนดวันสุดท้ายในการใช้สิทธิ 2 พ.ค.56
“BLAND ยังคงยึดนโยบายในการสร้างความมั่นคง และความแน่นอนเพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าอย่างราบรื่น และปลอดภัย โดยมาจากธุรกิจหลัก 2 ด้าน ในอสังหาริมทรัพย์ คือ รายได้ค่าเช่า และบริการ และการสร้างที่อยู่อาศัยเพื่อขาย ซึ่งจะไม่เน้นการแข่งขันกับผู้ประกอบการรายอื่น แต่จะเปิดเพียง 1-2 โครงการต่อปี ไม่เน้นจำนวนและกระจายพื้นที่”
นายปีเตอร์ กาญจนพาสน์ กรรมการผู้จัดการ BLAND กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทจะใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 4,300 ล้านบาท ซึ่งไม่รวมการขยายอิมแพค โดยแบ่งเป็นการลงทุนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ดับเบิลเลค เฟส 2-3 มูลค่าโครงการรวม 1,000 ล้านบาท ใช้เงินลงทุนราว 500 ล้านบาท โครงการทาวน์เฮาส์ บ้านเดี่ยวหรูย่านศรีนครินทร์ ใช้เงินลงทุน 3,000 ล้านบาท และ “บี ไฮฟ์” ชอปปิ้งมอลล์ ลงทุน 800 ล้านบาท นอกจากนั้น บริษัทยังมีแผนนำที่ดินย่านมักกะสัน เนื้อที่ขนาด 6-7 ไร่ พัฒนาเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวครึ่ง ขนาด 600 ห้อง แต่ขอรอความชัดเจนในการปรับปรุงโครงการแอร์พอร์ตลิงก์ก่อน
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าปีงบ 1 เมษายน 2555 ถึง 31 มีนาคม 2556 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้เกินกว่า 4,000 ล้านบาท ตามที่ตั้งเป้าเอาไว้ เนื่องจากรายได้จากอิมแพคเกินกว่าเป้าหมายที่กำหนดเอาไว้เดิม 2,000 ล้านบาท เพิ่มเป็น 2,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่มีรายได้ 2,000 ล้านบาท