xs
xsm
sm
md
lg

นักลงทุนยังไม่ตอบรับอาเซียนลิงก์ เหตุเป็นของใหม่-วัฒนธรรมต่าง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 “บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง” สะท้อนมุมมองผลตอบรับจากนักลงทุนตามโครงการอาเซียนลิงก์ ยังมีไม่มาก เหตุ เป็นของใหม่ คนยังต้องใช้เวลาศึกษาทั้งตัวหุ้นและธุรกิจเพื่อนบ้าน  ขณะเดียวกันความต่างด้านวัฒนธรรมภายในประเทศ อาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัยต่อความสนใจของนักลงทุนด้วย  

    เมื่อปลายปีที่แล้วนี้เองที่ตลาดหลักทรัพย์ในกลุ่มอาเซียน เพิ่งจะประสบผลสำเร็จในการพัฒนาระบบซื้อขายหลักทรัพย์และข้อมูลข้ามตลาดระหว่างกันตามแผนโครงการอาเซียน ลิงก์เกจ โดยเริ่มต้นนำร่องโครงการใน 3 ประเทศคือสิงคโปร์ มาเลเซียและไทย สำหรับความร่วมมือนี้เป็นเพียงโครงการเริ่มต้นในระยะที่ 1 และในปีนี้ตลาดหลักทรัพย์ยังมีแผนที่จะพัฒนาระบบรับฝากหลักทรัพย์และระบบการชำระราคาข้ามตลาดอันเป็นโครงการความร่วมมือระยะที่ 2 และ 3 ตามลำดับด้วย
 และเมื่อไม่นานมานี้ บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) ก็เพิ่งจะเสร็จสิ้นภารกิจพานักลงทุนกลุ่มลูกค้าของตัวเดินทางไปยังมาเลเซีย เพื่อดูหุ้นในธุรกิจที่มีความโดดเด่นและผ่านการคัดเลือกรวมถึงการทำวิจัยจากเมย์แบงก์ที่มาเลเซียแล้วตามหมวดอุตสาหกรรมที่นักลงทุนไทยสนใจอยากจะศึกษา อย่างเช่น โรงพยาบาล, ไอที, ค้าปลีก, ห้างสรรพสินค้าชื่อดัง รวมถึง หุ้นตลาดหลักทรัพย์เบอร์ซาของมาเลเซีย   

    บุญพร บริบูรณ์ส่งศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ได้ให้มุมมองถึงการตอบรับจากนักลงทุนไทยในโครงการอาเซียนลิงก์นี้ว่ายังมีไม่มากนัก ด้วยเหตุว่าอะไรก็ตามที่เป็นการลงทุนนอกประเทศอาจต้องให้เวลา เพราะยังเป็นเรื่องใหม่จึงอาจต้องค่อยเป็นค่อยไป และช่วงนี้จะเป็นช่วงการให้ความรู้แก่นักลงทุน โดยพาไปเยี่ยมชมตลาด เยี่ยมชมธุรกิจที่ลูกค้าสนใจ ตอนนี้จึงเป็นช่วงที่ต้องเริ่มต้นศึกษาหาความรู้กัน

    เธอยังเห็นว่าหากพิจารณาจากสภาพตลาดหลักทรัพย์ไทยในปัจจุบันยังดูดีกว่าและยังให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับตลาดของมาเลเซียและสิงคโปร์ซึ่งเป็นอาเซียนด้วยกัน ดังนั้น ลูกค้าเมย์แบงก์ กิมเอ็งจึงยังไม่ต้องการที่ข้ามไปลงทุนใน 2 ตลาดดังกล่าวที่ยังคงไม่ได้ไปไหนไกลนัก
 เหตุผลที่ตลาดหุ้นไทยดูดีขนาดนี้อาจเป็นเพราะตลาดหุ้นไทยถูกกดมานานจากการขาดเสถียรภาพทางการเมือง จึงทำให้รู้สึกเหมือนว่าตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มขาขึ้นค่อนข้างมาก ขณะเดียวกันในตลาดหุ้นไทยที่มีสัดส่วนค่อนข้างสูงถึงราวๆ 60% ก็ยังได้เข้ามาช่วยเติมสีสรรการลงทุนให้แก่ตลาดด้วย แต่ตลาดประเทศเพื่อนบ้านการเติบโตนั้นจะเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ ไม่ได้หวือหวาอะไรมากนัก เพราะมีนักลงทุนรายใหญ่มากกว่ารายย่อย
    
    นอกจากนี้ บุญพรยังคิดว่าความแตกต่างทางวัฒนธรรมและศาสนาระหว่างไทยกับมาเลเซียอาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัยต่อความสนใจของนักลงทุนเองด้วยเช่นกันเมื่อเทียบกับสิงคโปร์ประเทศที่มีคนจีนอาศัยอยู่มากจึงอาจดูคล้ายคลึงกับเมืองไทยมากกว่า และเมื่อจะเริ่มเปิดประตูกันแล้วทุกคนจึงต้องเริ่มทำการศึกษา แต่หากถามถึงสิงคโปร์ก็อาจจะเป็นที่ที่คนไปกันบ่อยและเห็นกันจริงๆ ว่าที่นั่นเป็นศูนย์กลางทางการเงิน เวลาคิดจะลงทุนคนก็ต้องคิดถึงสิงคโปร์ก่อน แต่หากบอกเป็นมาเลเซียแล้วคงต้องพานักลงทุนไปดูตลาดหลักทรัพย์รวมทั้งธุรกิจที่นั่นก่อน

    ประธานเจ้าหน้าที่ร่วม บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง เล่าให้ฟังว่าหากมองด้านศักยภาพการทำกำไรของธุรกิจที่มาเลเซียถือว่าค่อนข้างจะไปได้ดี เพียงแต่ยังมีธุรกิจบางประเภทที่รัฐบาลไม่ได้เปิดเสรี เช่น โรงพยาบาล ที่ยังต้องมีเงื่อนไขการควบคุมมาเป็นตัวกำกับไม่ว่าจะเป็นเรื่องอัตราค่าบริการ อัตราแพทย์ รวมถึง อัตราค่าจ้างบุคลากร ด้วยเหตุผลว่าไม่ต้องการให้ประชาชนต้องเดือดร้อนจากการใช้บริการโรงพยาบาลในราคาแพง

    ด้วยความจำเป็นในการบริหารต้นทุนและกำไรก็มีส่วนช่วยผลักดันให้ธุรกิจโรงพยาบาลของมาเลเซียต้องขยายการลงทุนออกไปทั่วทุกมุมโลกด้วยการเข้าเทคโอเว่อร์หรือซื้อหุ้นกิจการในประเทศต่างๆ แต่โดยรวมบุญพรก็ยังเห็นว่าศักยภาพการทำธุรกิจในกลุ่มนี้ยังถือว่าใช้ได้ เพียงแต่อาจจะติดปัญหาที่ธุรกิจอาจต้องนำกำไรที่ได้มาไปใช้เป็นเงินลงทุนบ่อยครั้ง แม้จะเหนื่อยในเรื่องการหาทุนแต่ก็มีดีในเรื่องการกระจายความเสี่ยงของธุรกิจ

เล่นหุ้นตลาดอาเซียน ก็แค่เรื่องสิทธิทางภาษี
    ประธานเจ้าหน้าที่ร่วม บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ยังให้มุมมองการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศของนักลงทุนด้วยว่าอันที่จริงแล้วมันไม่เกี่ยวข้องกับอาเซียน เพราะปัจจุบันนักลงทุนอยากจะลงทุนนอกประเทศก็ทำได้อยู่แล้ว ส่วนการลงทุนในอาเซียนเป็นแค่เรื่องการได้สิทธิพิเศษด้านภาษีบางประเภท เช่น ภาษีรายได้ส่วนต่างกำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์ เท่านั้น แต่หากเป็นการลงทุนนอกกลุ่มอาเซียนนักลงทุนก็ยังคงต้องเสียภาษีอยู่ดี แต่ถึงกระนั้นทุกคนก็รู้ถึงวิธีที่จะทำให้ตัวเองไม่ต้องเสียภาษีส่วนนี้กันดีอยู่แล้ว

    อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันลูกค้าบางกลุ่มของเมย์แบงก์ กิมเอ็งที่เปิดบัญชีเพื่อลงทุนผ่านโครงการอาเซียน ลิงก์ มีรวมกันประมาณกว่า 100 บัญชีแล้ว ซึ่งบุญพรถือว่าเป็นจำนวนที่ไม่น้อยแม้บัญชีที่มีกิจกรรมซื้อขายจริงจะมีอยู่เพียง 30-40 บัญชีที่เริ่มลงทุนนอกประเทศแล้วก็ตาม แต่เธอย้ำว่าพวกนี้ไม่ได้ลงเฉพาะหุ้นในโครงการอาเซียนลิงก์เกจอย่างเดียว แต่ยังมีการซื้อหุ้นในตลาดหุ้นแห่งอื่น เช่น สหรัฐอเมริกา, ฮ่องกง ด้วย

    สำหรับภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นอาเซียนจากบัญชีลูกค้าเมย์แบงก์ กิมเอ็งนั้น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมฯ บอกว่ามีการลงทุนกันที่สิงคโปร์ แต่ที่มาเลเซียยังไม่มี เนื่องจากอาจจะเป็นเพราะคนไทยยังไม่รู้จักหุ้นมาเลเซียมากนัก เพราะเมื่อพูดถึงประเทศนี้คนอาจจะนึกถึงแค่ปิโตรนาสหรือปาล์ม
 ส่วนความเคลื่อนไหวในการพัฒนาธุรกิจให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์ระหว่างประเทศจาก บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็งนั้นพวกเขาได้เริ่มเปิดให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์ระหว่างประเทศมาแล้วตั้งแต่ปี 2554 ก่อนการซื้อขายผ่านโครงการอาเซียนลิงก์จะเริ่มต้นจริงในปลายปี 2555

    โดยช่วงแรกที่การบริการซื้อขายหลักทรัพย์จะเริ่มใน 5 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, ฮ่องกง และอีก 2 ตลาดในอเมริกาคือนิวยอร์คและแนสแดก ก่อนจะขยายออกสู่ตลาดแห่งอื่นๆ เช่น ลอนดอน,ออสเตรเลีย, แคนาดา ในเวลาต่อมา  
 ทั้งนี้ การซื้อขายนั้นจะกระทำผ่านระบบซอร์ฟแวร์ที่พวกเขาพัฒนากันขึ้นมาเอง โดยมีสิงคโปร์เป็นศูนย์กลางในการรับส่งคำสั่งซื้อขาย และลูกค้าสามารถเลือกได้ว่าจะคีย์คำสั่งซื้อขายด้วยตัวเองหรือจะดำเนินการผ่านเจ้าหน้าที่ก็ได้ ยกเว้นที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ลูกค้าต้องคีย์ข้อมูลด้วยตัวเอง ทั้งนี้ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ตั้งเป้าว่าจะขยายรายได้จากการทำธุรกิจ off-shore ให้เติบโตอีก 20%  
 
กำลังโหลดความคิดเห็น