“ปลัดคลัง” เผยรัฐขาดทุนจำนำข้าวไม่ทำให้หนี้สาธารณะเพิ่ม เพราะมีการตั้งงบดึงภาษีมาจ่ายแทน โดยจะใช้เงินจากงบประมาณมาจ่ายในส่วนที่ขาดทุนในแต่ละปี และจะไม่กู้เงินมาชดเชยอย่างที่นักวิชาการหลายสำนักเข้าใจกัน พร้อมเคลียร์ “สมชัย” นักวิชาการชื่อดัง “ทีดีอาร์ไอ” หลังประเมินโครงการรับจำนำข้าวจะขาดทุนปีละ 1 แสนล้านบาท เพราะเกิดจากการรับจำนำราคาสูงกว่าตลาดถึง 40%
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผลจากการขาดทุนในโครงการรับจำนำข้าวทุกเมล็ดของรัฐบาลตันละ 1.5 หมื่นบาท จะไม่ทำให้หนี้สาธารณะของประเทศเพิ่มขึ้น เพราะจะใช้เงินจากงบประมาณมาจ่ายในส่วนที่ขาดทุนในแต่ละปี โดยจะไม่กู้เงินมาชดเชยอย่างที่นักวิชาการหลายสำนักเข้าใจกัน
ทั้งนี้ จะเริ่มตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 มาจ่ายส่วนที่ขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าว แต่ยังบอกไม่ได้ว่าเป็นจำนวนเท่าไหร่
นายอารีพงศ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนเองได้ทำความเข้าใจกับ นายสมชัย จิตสุชน นักวิชาการของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ที่มองว่าการขาดทุนจำนำข้าวจะใช้เงินงบประมาณมาจ่าย ไม่ใช่การกู้เงินเพิ่ม รวมถึงการจำนำข้าวในปีต่อๆ ไปจะไม่มีการกู้เพิ่ม โดยจะใช้เงินหมุนเวียนจากการกู้ 4.1 แสนล้านบาทเท่านั้น
โดยก่อนหน้านี้ หน่วยงานทีดีอาร์ไอได้ออกมาประเมินว่า โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลจะขาดทุนสูงถึงปีละ 1 แสนล้านบาท เพราะเกิดจากการรับจำนำราคาสูงกว่าตลาดถึง 40%
รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง ระบุว่า การใช้เงินจากงบประมาณมาชดเชยการขาดทุนจำนำข้าวเท่ากับเป็นการดึงเงินภาษีมาใช้ขาดทุนจากการจำนำข้าว ทำให้เป็นภาระของผู้เสียภาษี ซึ่งทำให้งบประมาณปี 2557 เป็นแบบขาดดุล เพราะต้องกู้เงินมาชดเชย เท่ากับว่าการชดเชยขาดทุนรับจำนำข้าวยังมีส่วนทำให้เป็นหนี้เพิ่มขึ้น
ขณะที่ในปีงบประมาณ 2557 รัฐบาลยังมีภาระตั้งงบประมาณจ่ายคืนโครงการรถคันแรกอีก 3 หมื่นล้านบาท และต้องตั้งงบชดเชยเงินคงคลังอีกอย่างน้อย 3.1 หมื่นล้านบาท ที่อนุมัติให้นำมาจ่ายแก่ผู้ได้สิทธิโครงการรถคันแรกปีงบประมาณ 2556 เนื่องจากเงินไม่พอจ่าย เพราะตั้งงบประมาณไว้เพียง 7,250 ล้านบาท จากเงินที่ต้องใช้ทั้งหมด 3.8 หมื่นล้านบาท รวมทั้งยังต้องเพิ่มทุนให้ธนาคารรัฐอีก 5,000 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาหนี้เสีย ส่งผลทำให้ปีงบประมาณ2557 รัฐมีภาระที่ต้องกันเงินมาจ่ายจำนวนมาก
